ข่าวและกิจกรรม

คณะจิตวิทยา จุฬาฯ จัดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “รู้จัก…เข้าใจ…แก้ไข Cyberbullying”

 

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “รู้จัก…เข้าใจ…แก้ไข Cyberbullying”

ณ ห้อง Learning auditorium อุทยานการเรียนรู้ TK Park ชั้น 8 ศูนย์การค้า Central World

 

ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

 

งานเสวนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในเรื่อง Cyberbullying และข้อคิดเห็นต่าง ๆ ให้บุคคลในสังคมได้เกิดความตระหนักรู้ถึงความร้ายแรงของการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ และแนวทางการลดพฤติกรรม รวมทั้งให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลจิตใจหลังจากถูกกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ได้แก่

 

  • คุณณัญช์ภัคร์ พูลสวัสดิ์ (คุณเต้ย) ผู้จัดการแผนก/บรรณาธิการ/โปรดิวเซอร์ รายการครอบครัวบันเทิง – เรื่องเล่าเช้านี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3
  • คุณกวิสรา สิงห์ปลอด (คุณมายยู) ศิลปินอิสระ และ Influencer
  • ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ หัวหน้าโครงการฯ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ และอาจารย์ประจำหลักสูตรจิตวิทยาการปรึกษา
  • ผศ. ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์ รองหัวหน้าโครงการฯ รองคณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ และอาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม

 

ดำเนินรายการโดย

  • คุณรวีโรจน์ เลิศพิภพเมธา (คุณวี) DJ คลื่น Eazy fm102.5

 

ชมภาพภายในงานเพิ่มเติมได้ที่
https://www.chula.ac.th/news/173163/

และ FB: Psychology CU

 

 


 

สื่อสาระความรู้จากโครงการ “Smarter Life by Psychology รู้จักเข้าใจ Cyberbullying” คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

 

โครงการ “Smarter Life by Psychology รู้จัก…เข้าใจ Cyberbullying”

 


 

 

 

 

 

 

 

 

ครบรอบ 67 ปี แห่งการสถาปนาคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ

 

ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาส ครบรอบ 67 ปี แห่งการสถาปนาคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567 ณ โถงชั้น 2 อาคารพระมิ่งขวัญการศึกษาไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ

 

ในโอกาสนี้ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ รศ. ดร.พรรณทิพย์ ศิริวรรณบุศย์ ราชบัณฑิต และคณบดีคนแรกของคณะจิตวิทยา ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณปูชนียาจารย์แห่งคณะครุศาสตร์ ประจำปี 2567 ด้วย

 

 

 

 

 

การปฐมนิเทศนิสิตใหม่คณะจิตวิทยา ปีการศึกษา 2567

 

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 คณะจิตวิทยาจัดกิจกรรมการปฐมนิเทศนิสิตใหม่คณะจิตวิทยา ระดับปริญญาตรี ประจำปีการศึกษา 2567 ทั้งภาคไทยและหลักสูตรนานาชาติ (JIPP) ณ ห้อง 801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (อาคารจามจุรี 10)

 

ในงานนี้ คุณวุฒิ พูลสมบัติ Top management & principal at Mercer (Thailand) มาเป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายในหัวข้อ “การปรับตัวในการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย” อีกด้วย

 

 

 

ภาพบรรยากาศ

 

 

 

การประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติทางจิตวิทยา ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2567 (TNCP 2024)

 

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 คณาจารย์และนิสิตคณะจิตวิทยา เข้าร่วมการประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติทางจิตวิทยา ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2567 (TNCP 2024) หัวข้อ “นวัตกรรมทางจิตวิทยาเพื่อสุขภาวะ: การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และโอกาส (Innovations in Psychology for Well-being: Changes, Challenges and Chances)” ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพ

 

การประชุมนี้จัดโดย ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาควิชาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศไทย
https://psy.soc.ku.ac.th/tncp2024/

 

 

 

 

 

ในงานนี้ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ น.ส.ฐิดาพร สุขเจริญ นายณัฐกิตติ์ ดวงกลาง และ น.ส. สุกัลยา ลัมภเวส ว่าที่บัณฑิตปริญญาตรี คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โครงงานวิจัยทางจิตวิทยาได้รับรางวัล Best Paper Award ในการประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติทางจิตวิทยา ประจำปี พ.ศ. 2567 ในหัวข้อ “มากกว่าความสวยงาม: การรับรู้ตัวตนของหญิงข้ามเพศและประสบการณ์การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อการข้ามเพศ” โดยมี ผศ. ดร.จุฑาทิพย์ วิวัฒนาพันธุวงศ์ แขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์เป็นที่ปรึกษาโครงงานวิจัย

 

ท่านสามารถอ่านข้อมูลฉบับสั้นของงานวิจัยนี้ได้ที่ https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/transwomen-expression

 

 

 

 

แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปี แห่งการสถาปนาคณะนิเทศศาสตร์ จุฬา

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา และคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปี แห่งการสถาปนาคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 ณ อาคารมงกุฎสมมติวงศ์ คณะนิเทศศาสตร์

 

งานวันคล้ายวันสถาปนาคณะจิตวิทยา ครบรอบ 28 ปี

 

วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะจิตวิทยา ครบรอบ 28 ปี ซึ่งสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2539 ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา ผู้บริหาร บุคลากร และนิสิตคณะจิตวิทยา ให้การต้อนรับผู้แทนจากส่วนงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ที่มาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันครบรอบนี้
จากนั้นมีพิธีทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่คณะ โดยมีอาจารย์อาวุโสให้เกียรติมาร่วมงานในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีพิธีรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ คุณณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ บัณฑิตปริญญาโทแขนงวิชาจิตวิทยาทรัพยากรมนุษย์และการทำงาน ซึ่งได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “ศิษย์เก่าดีเด่น” ประเภทผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี พ.ศ. 2567

ขอแสดงความยินดีกับ นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ นักกีฬาระบำใต้น้ำทีมชาติไทย

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีกับ นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักกีฬาระบำใต้น้ำทีมชาติไทย ที่ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการ เอเชียนเอจกรุ๊ป ครั้งที่ 11 ณ เมืองนิวคลาร์กซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ (11th Asian Group Aquatics Championships 2023) เมื่อวันที่ 2-6 มีนาคม 2567 สร้างผลงานดังต่อไปนี้ (รุ่น Junior)

  • 1 เหรียญทอง ประเภท Free Mixed Duet
  • 1 เหรียญเงิน ประเภท Free Solo
  • 1 เหรียญเงิน ประเภท Free Mixed Team
  • 1 เหรียญเงิน ประเภท Free Mixed Team Acrobatic

 

 

 

ต่อมาในรายการแข่งขันกีฬาระบำใต้น้ำรายการ BRICS SPORTS GAMES KAZAN 2024 ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 10 – 16 มิถุนายน 2567 นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ ก็ได้สร้างผลงาน

  • 1 เหรียญทองแดง รายการ Team Acrobatic

 

Social So Chill – Monthly Live Talk 2024

 

Social So Chill – Monthly Live Talk

 

 

2567


 

 

Ep.01 – เปลี่ยนไปบริโภคแบบลดเค็มอย่างไรดี?

วิทยากร: ผศ. ดร.วัชราภรณ์ บุญญศิริวัฒน์ และคุณกรองกานต์ เสวตเวช ศิษย์เก่าระดับปริญญาโท

 

Ep.02 – Emotions: What they are, why we have them, and what we should do about them.

วิทยากร: Dr. Adi Shaked

 

Ep.03 – การสื่อสารกับผู้สูงอายุให้มีความสุข

วิทยากร: ผศ. ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์ และ นักจิตวิทยา คุณรวิตา ระย้านิล

 

Ep.04 – Theory of Mind: ฉันคิดว่าคนอื่นคิด…อย่างไร

วิทยากร: อ. ดร.กฤษณ์ อริยะพุทธิพงศ์

 

Ep.05 – การสื่อสารด้วยความเข้าอกเข้าใจในการทำงาน

วิทยากร: ผศ. ดร.ประพิมพา จรัลรัตนกุล และ คุณพิมพ์ภัทร ชูตระกูล ศิษย์เก่าระดับปริญญาโท

 

Ep.06 – การเมืองไทย ต่างวัยคิดต่างกัน (จริงหรือ?)

วิทยากร: ผศ. ดร.ทิพย์นภา หวนสุริยา และคุณธนกฤต สำราญกมล นิสิตใหม่ระดับปริญญาเอก

 

Ep.07 – ความสัมพันธ์จากการแต่งงาน (IN-LAWS)

วิทยากร: อ. ดร.ภัคนันท์ จิตต์ธรรม และ ผศ. ดร.สุภลัคน์ ลวดลาย

 

Ep.08 – ความพึงพอใจในชีวิต ความก้าวร้าว และความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตาย ในยุคโควิด 19

วิทยากร: ผศ.ดร. อภิชญา ไชยวุฒิกรณ์วานิช

 

Ep.09 – อคติรังเกียจกลุ่ม แก้ได้อย่างไร

วิทยากร: ผศ. ดร.วัชราภรณ์ บุญญศิริวัฒน์ และคุณศรนรินทร์ กาญจนะโนพินิจ นิสิตระดับปริญญาเอก

 

Ep.10 – Loneliness in an age of digital connection

วิทยากร: Dr. Adi Shaked

 

Ep.11 – การรังแกบนโลกไซเบอร์ ใครทำ? ทำใคร?

วิทยากร: ผศ. ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์ และ นักจิตวิทยา คุณรวิตา ระย้านิล

 

Ep.12 –

 

 

 

Seminar Talk: Self-bias across cultures

 

We would like to invite everyone to a seminar talk by Dr. Heather Winskel, Associate Professor in Psychology at James Cook University, Singapore and Research Fellow of the Cairns Institute.

 

Dr. Winskel will present her research about self-bias with collectivist Vietnamese and bilingual Chinese-English participants in Singapore, using the perceptual associative matching task (Sui, He, and Humphreys, 2012). Moreover, she also compares the results from Vietnamese and Singaporean participants with prior studies, and discuss ideas for future research.

 

 

 

 

Date and Time:
  • Tuesday, July 9th, 2024, from 11AM to 12PM

 

Venue:
  • Room 613, the 6th Floor, Faculty of Psychology (Borommaratchachonnani Srisattaphat Building), Chulalongkorn University

 

Registration Link:
  • https://forms.gle/LMtKWtJGRPcapHfx7

 

 


 

 

On Tuesday, July 9th, 2024, Dr. Heather Winskel, an associate professor of Psychology at James Cook University, Singapore, presented her research at the Faculty of Psychology, Chulalongkorn University. Her research was on investigating self-bias in Vietnamese and Chinese-English Singaporean individuals using perceptual associative matching. Additionally, she proposed possible explanations for how culture and language might influence the processing of self-related information.

 

We would like to express our appreciation to Dr. Heather Winskel for sharing her meaningful research, ‘Self-Bias across Cultures,’ and to all the participants who joined this seminar.

 

 

 

เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารด้วยการเพิ่มทักษะการฟัง (Listening skill)

 

เมื่อกล่าวถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร บ่อยครั้งเราจะคิดถึงการพัฒนาทักษะการส่งสาร (Sending skill) หรือการปรับวิธีการพูด การส่งข้อความ ให้น่าฟัง น่าเชื่อถือ และน่าดึงดูดใจ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ส่งสาร ตัวสาร และช่องทางการสื่อสาร ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญที่จะส่งผลให้สื่อสารมีคุณภาพ เพิ่มโอกาสที่การสื่อสารจะประสบความสำเร็จได้สูง

 

อย่างไรก็ดี การสื่อสารนั้นมีด้วยกันสองฝ่าย คือฝ่ายผู้ส่งสารและผู้รับสาร ดังสำนวนไทยที่ว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต่อให้การส่งสารเป็นไปด้วยดีประณีตบรรจงเพียงใด หากผู้รับสารไม่รับและไม่รู้ด้วย ก็มีโอกาสที่การสื่อสารนั้นจะล้มเหลวได้

 

 

Diagram of the SMCR model

https://en.wikipedia.org/wiki/Source–message–channel–receiver_model_of_communication

 

 

 

ดังนั้นหากท่านมีโอกาสเข้าเรียนหรือเข้าอบรมเรื่องการเพิ่มทักษะการสื่อสารหรือการสื่อสารทางบวก นอกจากจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพูด การใช้ข้อความ อย่างไรให้เข้าหูและตรงใจผู้ฟัง/ผู้อ่านแล้ว ย่อมจะต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการรับสาร (Receiving skills) การฟัง การจับใจความ ตลอดจนการสังเกตถึงอวัจนภาษาหรือนัยระหว่างบรรทัด (between the lines) ของผู้ส่งสารด้วย ซึ่งแม้บางครั้งเนื้อหาอาจจะเป็นสัดส่วนที่ไม่มากเท่าการส่งสาร แต่การจะนำไปปฏิบัติจริงให้เกิดประสิทธิภาพได้นั้นก็ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างตั้งใจเช่นกัน

 

สำหรับในบทความนี้จะเน้นเรื่องการฟัง เนื่องจากการอ่านนั้นเรายังพอจะอ่านซ้ำไปซ้ำมาได้ และอาจไม่ได้มีการตอบสนองกันภายในทันที (แต่จริง ๆ การอ่านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย) ขณะที่การฟังในการสนทนากันมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ผ่านไปครั้งเดียว แต่สามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกระหว่างกันได้มากเพราะมักรับรู้ถึงปฏิกิริยาของคู่สนทนาได้เดี๋ยวนั้น จึงมีความจำเป็นที่เราควรจะพัฒนาทักษะการฟัง หากประสงค์ให้การสื่อสารมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน และเกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกันด้วย

 

 

ก่อนที่จะเสนอว่าการฟังที่ดีเป็นอย่างไร เรามาตรวจสอบระดับการฟังที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันเสียก่อน

 

 

ระดับการฟัง
ลักษณะการฟัง
1. ไม่สนใจ
ทำเหมือนผู้พูดกำลังพูดกับกำแพง
2. แกล้งฟัง
รับคำ พยักหน้า ไม่ได้ตั้งใจฟังจริง
3. เลือกฟัง
เลือกฟังเฉพาะสิ่งที่อยากฟัง
4. ตั้งใจฟัง
ฟังด้วยหู อยู่กับปัจจุบัน ได้ข้อมูลครบตามที่ฟัง
5. ฟังด้วยใจ
ฟังด้วยหู ตา ใจ เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกผู้พูด คิดตามอย่างมีสติ ไม่ตัดสิน อยู่กับปัจจุบัน

 

(ที่มา – https://www.schoolofchangemakers.com/all-blogs/active-listening)

 

 

ปกติแล้วท่านฟังผู้อื่นในระดับใด…

 

ผู้เขียนเองขอสารภาพว่าบ่อยครั้งก็จะอยู่ที่ระดับ 2-3 บางครั้งจึงจะตั้งใจฟังเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนเพื่อนำไปทำงานหรือตัดสินใจต่อไป และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะฟังด้วยใจ ซึ่งก็จะเป็นการพูดคุยที่สำคัญมาก ๆ เช่น การรับฟังเพื่อปรับทุกข์หรือการฟังเพื่อให้คำปรึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตและความรู้สึกของคู่สนทนาจริง ๆ

 

หากท่านมีคำตอบคล้ายกับผู้เขียนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะการตั้งใจฟัง และการฟังด้วยใจ หรือบางที่เรียกว่า การฟังเชิงรุก (Active listening) นั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากทีเดียว ขณะที่ธรรมชาติของคนเรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบการประหยัดพลังงาน

 

 

จากตารางด้านบนในรายละเอียดของการฟังในระดับที่ 4-5 จะเห็นได้ว่ามีองค์ประกอบของสติ หรือการกำกับตนให้อยู่กับปัจจุบันเป็นพื้นฐาน จิตของคนเรานั้นไม่นิ่ง ไม่คิดไปนอกเรื่อง ก็ไหลไปในอดีต หรือคิดล่วงหน้าไปอนาคต การจะควบคุมให้อยู่กับปัจจุบันขณะจึงต้องอาศัยการมีสติรู้ตัวและความอดทน อดทนที่จะรับฟังจนจบ ไม่คิดไปเองล่วงหน้าด้วยความเข้าใจของตัวเอง หรือตัดสินไปก่อนด้วยอคติที่มี บ่อยครั้งในการสนทนาเราจะพบเห็นการพูดขัดทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบันนั่นเอง เราคิดไปก่อนว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร หรือตัดสินไปแล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทั้งที่ความจริงสิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ตรงหรือไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ ดังนั้นเมื่อเรามีบทบาทเป็นผู้ฟัง (และอยากเป็นผู้ฟังที่ดี) ก็ต้องเตือนตัวเองว่าขณะนี้เรามีหน้าที่ฟัง ทำความเข้าใจว่าผู้พูดแต่ละคนมีภูมิหลังและมีวิธีการสื่อสาร ตลอดจนใช้เวลาในการเรียบเรียงความคิดและคำพูดออกมาไม่เหมือนกัน จึงควรที่จะให้เวลาอีกฝ่ายได้เรียบเรียงและพูดออกมาจนจบครบความ

 

ทั้งนี้การทำหน้าที่ฟังนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฟังอย่างเดียว ไม่พูดอะไรเลย การตอบสนองเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรากำลังฟังอยู่อย่างตั้งใจก็เป็นเรื่องที่จำเป็น รวมถึงการสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด นอกจากนี้ การถามทวนหรือพูดย้ำในสิ่งที่ได้ยิน ก็เป็นเทคนิคที่จะช่วยตรวจสอบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อสาร กับสิ่งที่เราได้ยินและเข้าใจ มีความถูกต้องตรงกันหรือไม่

 

ประโยคที่ใช้ถามทวน เช่น “ที่คุณพูดมา หมายความว่าอย่างนี้ใช่หรือไม่…” “คุณต้องการที่จะบอกว่า… ฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่” “ที่คุณเล่ามา ลำดับเรื่องราวเป็นเช่นนี้ … ใช่ไหม”

 

การเปิดใจรับฟังอย่างไม่มีอคตินั้นเป็นอีกเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก ไม่ว่าเราจะรู้จักหรือไม่รู้จักคู่สนทนาก็ดี เราก็จะมีความคิดความเชื่อต่อผู้พูดและเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตอยู่แล้ว และสิ่งเหล่านั้นก็ย่อมมีอิทธิพลในการสื่อสารกันไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ดี การฝึกฝนให้อยู่กับปัจจุบันก็จะช่วยให้เราใช้อคติในการตัดสินสิ่งต่าง ๆ ไปก่อนน้อยลง นอกจากนี้สิ่งที่จะช่วยลดอคติได้อีกทางหนึ่งคือการตอบด้วยคำถาม หรือการกระตุ้นให้อีกฝ่ายอธิบายและขยายความเพิ่มเติม เช่น “ทำไมคุณจึงคิด/รู้สึกเช่นนั้น” “คุณบอกได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น”

 

การจับประเด็นให้ได้ และการคงอยู่ในประเด็น ก็เป็นเรื่องสำคัญ บ่อยครั้งที่การสื่อสารไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะผู้พูดอาจจะพูดวกไปวนมา หรือออกนอกประเด็นไปเอง และผู้ฟังก็หลงประเด็น หรือเผลอตอบสนองแล้วพากันเปลี่ยนไปประเด็นอื่น หากไม่แน่ใจว่าบทสนทนายังอยู่ในประเด็นเดิมหรือไม่ หรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของการสนทนาครั้งนี้ของผู้พูดคืออะไร เราสามารถสอบถามถึงเจตนาของผู้พูดได้ว่าตกลงแล้วสิ่งที่ต้องการจะสื่อหรือจะโฟกัสในครั้งนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วพากันกลับมาที่ประเด็นหลักของการสนทนากันก่อนที่จะเบี่ยงไปเรื่องอื่น ๆ

 

ในการสนทนาเชิงปรับทุกข์หรือขอคำปรึกษา ผู้เขียนคาดว่าหลายท่านคงจะเคยได้ยินมาว่า “คนพูดเขาแค่อยากมาระบาย ไม่ได้ต้องการคำแนะนำจริง ๆ เราแค่รับฟังเขาก็พอ” คำกล่าวนี้ก็มีทั้งจริงและไม่จริงปน ๆ กัน คือบางคนก็ต้องการมาระบายอย่างเดียวจริง ๆ บางคนต้องการให้มีใครสักคนที่เข้าใจ และบางคนก็ต้องการคำแนะนำหรือมุมมองของผู้อื่นจริง ๆ ในกรณีหลังก่อนที่เราจะให้คำแนะนำใดไปหรือเสนอมุมมองของเรา ให้อย่าลืมว่าคนเราแต่ละคนมีลักษณะนิสัยไม่เหมือนกัน มีเรื่องที่กล้า/กลัว มั่นใจ/กังวล ทำได้/ทำไม่ได้ และมีเงื่อนไขชีวิตหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถนำเสนอมุมมองของเราได้ แต่เราไม่สามารถเอามุมของเราเป็นที่ตั้ง หรือร่วมรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับเขาจากทางที่เสนอไปได้ ดังนั้น เราอาจไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบให้หรือเสนอทางที่เราคิดว่าดี แต่ให้ช่วยทำให้อีกฝ่ายกระจ่างชัดในปัญหาที่กำลังเผชิญ ว่าปัญหาที่แท้จริงของเรื่องที่กำลังพูดถึงอยู่นี้คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร อะไรที่เคยทำไปแล้ว ได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร มีอะไรที่ทำได้หรืออยู่ในความควบคุมของเราบ้าง และมีสิ่งใดที่ไม่สามารถทำได้หรือไม่อยู่ในความควบคุมของเรา

 

การพูดคุยถามตอบอย่างเดียวอาจทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ข้างต้นไม่ชัดเจน หรือตกหล่นหลงลืมอะไรไป ผู้ฟังอาจจะเสนอให้ใช้การเขียนหรือการตีตารางว่าด้วย “ปัญหา/เป้าหมาย” “ทางแก้ที่เป็นไปได้ (สำหรับเจ้าของปัญหา)” และ “ข้อดี-ข้อเสีย” ของแต่ละทางเลือก ให้ทั้งสองฝ่ายเห็นข้อมูลชัดเจนมากขึ้น เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว อาจไม่จำเป็นที่จะต้องรีบหาข้อสรุป แต่ให้ผู้พูดนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาให้รอบคอบ และตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง

 

 

ท้ายที่สุดนี้ การเป็นผู้ฟังที่ดี ความจริงใจต่อคู่สนทนาเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือคล้อยตามในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงความเป็นจริง เพียงแต่ให้รอจังหวะในการแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม หรือเสนอข้อมูลอีกด้านอย่างเคารพต่อจุดยืนหรือความรู้สึกของกันและกัน สิ่งที่จะช่วยได้คือการวางตนและคู่สนทนาให้อยู่ฝ่ายเดียวกัน ไม่ใช่อยู่ตรงข้ามกัน หลักยึดเช่นนี้จะทำให้เราไม่รีบร้อนที่จะคัดค้านหรือหักล้างอีกฝ่ายจนลืมที่จะรับฟังและพยายามทำความเข้าใจมุมมองของผู้พูดไป ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการฟังด้วยใจนั่นเอง

 

 


 

 

บทความโดย

รวิตา ระย้านิล

นักจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย