ข่าวและกิจกรรม

การรับรู้ความหลากหลายของคนนอกกลุ่ม – Perceived outgroup heterogeneity

 

การรับรู้ความหลากหลายของคนนอกกลุ่ม หมายถึง ความสามารถในการมองเห็นความเป็นปักเจกบุคคลของคนนอกกลุ่ม เป็นวิธีการช่วยลดอคติและความคิดเหมารวม ซึ่งมีผลต่อการตัดสินเกี่ยวกับข้อมูลระหว่างกลุ่ม

 

การรับรู้ถึงคุณลักษณะความเป็นปัจเจกบุคคลที่อยู่ในกลุ่มสามารถลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มได้ ตรงกันข้ามกับการรับรู้ความเหมือนของคนนอกกลุ่ม มีความสัมพันธ์กับความคิดเหมารวมและการเลือกปฏิบัติ

 

 

 

 

การศึกษาทางจิตวิทยาเสนอว่า การรับรู้ความหลากหลายของคนนอกกลุ่มมีผลต่อความมั่นใจในการตัดสินคนอื่น เช่น การรับรู้ว่าคนผิวดำแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จะทำให้คนผิวขาวเกิดความลังเลใจต่อการตัดสินพฤติกรรมของเด็กผิวดำมากกว่าการตัดสินพฤติกรรมเด็กผิวขาว กล่าวคือ โดยทั่วไปหากบุคคลมีอคติและมีความคิดเหมารวมต่อคนกลุ่มอื่น จะมีความมั่นใจและตัดสินใจอย่างรวดเร็วต่อพฤติกรรมของคนกลุ่มนั้น ดังนั้นหากบุคคลมีการรับรู้ความแตกต่างเฉพาะบุคคลที่เป็นสมาชิกกลุ่มอื่น เขาจะไม่มั่นใจหรือจะเกิดความลังเลก่อนที่จัดตัดสินโดยทันที

 

การรับรู้ความหลากหลายของคนนอกกลุ่มเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อแบบแผนทางความคิดที่มีต่อกลุ่มสังคม (social group) และมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการจัดสรรปันส่วน บุคคลที่มีการรับรู้ความซับซ้อนของกลุ่มน้อยจะประเมินสมาชิกกลุ่มอย่างสุดขั้ว ไม่บวกก็ลบเลย ในสถานการณ์ที่สมาชิกกลุ่มมีความเหมือนกันและมีลักษณะเด่นทางบวกจะยิ่งถูกประเมินด้านบวกมากขึ้น ทำนองเดียวกัน หากคุณลักษณะทางลบของสมาชิกเด่น ก็จะยิ่งถูกประเมินทางลบมากในกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นเนื้อเดียวกันมากกว่าต่างกัน จึงเป็นที่มาของวิธีการมองคนนอกกลุ่มแบบง่ายไม่ซับซ้อน และประเมินอย่างสุดขั้ว เมื่อเทียบกับการประเมินคนกลุ่มเดียวกัน

 

การมีความหลากหลายในสังคมจะนำไปสู่สังคมแห่งความใจกว้างและมีความอดทน งานวิจัยเกี่ยวกับสังคมที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรมแสดงให้เห็นถึงการมีบรรทัดฐานทางสังคมที่ต่างฝ่ายต่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานเจตคติและพฤติกรรมที่ยอมรับสมาชิกของสังคมอีกฝ่าย ตรงกันข้ามกับสังคมที่ยึดแต่หลักความเป็นแบบแผนของวิถีชีวิตเนื้อเดียวกัน โดยชูลักษณะเด่นเพียงหนึ่งเดียวและใช้เป็นเครื่องนำทางพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม สังคมนั้นจะมีแนวโน้มการตอบสนองไปในทางลบ

 

การขยายความเข้าใจที่มีต่อคนนอกกลุ่มช่วยส่งเสริมให้มีคุณลักษณะของความอดทนต่อความแตกต่างและมีเจตคติเชิงบวกกับสมาชิกในสังคม การชื่นชมและมีความยินดีกับลักษณะพหุวัฒนธรรม (multicultural) มากกว่าเจตคติแบบตาบอดสี (colorblind attitudes) ที่ปฏิเสธการรับรู้ถึงความแตกต่าง การมองแบบหลากหลายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการลดอคติต่อต้านคนกลุ่มน้อยในสังคม

 

 


 

 

 

ข้อมูลจาก

 

เพ็ญประภา ปริญญาพล. (2565). การจัดบุคลิกภาพแบบหลากหลายและการเขียนเรียงความต่อต้านเจตคติต่อเจตคติระหว่างกลุ่มพุทธและมุสลิม: การศึกษาอิทธิพลส่งผ่านของความซับซ้อนของอัตลักษณ์ทางสังคมและอิทธิพลกำกับของค่านิยมส่วนบุคคลในพื้นที่ความไม่สงบภาคใต้ของไทย [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2022.537

กิจกรรมลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ ศิษย์เก่า ทหาร และประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลสุรินทร์

 

วันที่ 12 สิงหาคม 2568 คณะจิตวิทยา โดยคณบดี ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ ได้ร่วมเดินทางกับมหาวิทยาลัยไปยังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจนิสิตเก่าจุฬาฯ ทหาร และประชาชนผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้รับการต้อนรับจากคณะผู้บริหารโรงพยาบาลสุรินทร์ และเข้าเยี่ยมการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ภายในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุรินทร์ และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ พุทธอุทยาน

 

ในโอกาสนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มอบทุนการศึกษาช่วยเหลือภรรยาทหารผู้เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตย พร้อมมอบตาข่ายดักโดรนให้แก่กองกำลังสุรนารี รวมถึงมอบหน้ากากทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อีกทั้งได้เดินทางไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยสงคราม ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อให้กำลังใจและสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจแพทย์ใช้ทุนและแพทย์ฝึกหัดที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรด่านหน้า

 

พร้อมกันนี้ คณะจิตวิทยาได้มอบหนังสือ นิทานชูใจ: อารมณ์นี้หมีน้อยดูแลได้ ซึ่งเป็นผลงานที่ได้มาจากโครงการพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมการกำกับอารมณ์ แก่โรงพยาบาลสุรินทร์เพื่อนำไปส่งมอบต่อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) ในอำเภอพนมดงรักต่อไป

 

 

 

ขอแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปีแห่งการสถาปนาคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬา

 

วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย คุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีกับ ศ. ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และคณะผู้บริหารและบุคลากร เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปีแห่งการสถาปนาคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ศูนย์บรรณสารสนเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ

 

 

 

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจิตบำบัดแบบมุ่งเน้นอารมณ์สำหรับคู่รัก รุ่นที่ 4

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจิตบำบัดแบบมุ่งเน้นอารมณ์สำหรับคู่รัก รุ่นที่ 4 โดยคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ

Learning Emotionally Focused Couple Therapy (EFT): An Introduction to Comprehensive Theory, Basic Skills, and a Step-by-Step Process

 

การอบรมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน ทักษะที่สำคัญและกระบวนการตามแนวคิด Emotionally Focused Couple Therapy (EFT) เหมาะสำหรับนักจิตวิทยา หรือผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพจิต จัดโดย ศูนย์สุขภาวะทางจิต (Center for Psychological Wellness) คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

วันที่ 13-15 พฤษภาคม 2568 เวลา 9.30 – 16.30 น.
ห้องประชุม 407 ชั้น 4 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

วิทยากร

 

รับจำนวนจำกัด รุ่นละ 30 ท่าน เท่านั้น

 

ลงทะเบียนทาง: https://forms.gle/khjN7DpbGX5Mzuyy6
หนังสือเชิญ: https://drive.google.com/drive/folders/1SYveP_gR-yKHnAA7vvrRm7MWnwYmB9ss?usp=share_link

 

 

เนื้อหาการอบรม
  • แนวคิดและทฤษฎีจิตบำบัดแบบการมุ่งเน้นทางอารมณ์สำหรับคู่รัก (Emotionally Focused Couple Therapy)
  • ทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติงาน จิตบำบัดแบบการมุ่งเน้นทางอารมณ์สำหรับคู่รัก (Emotionally Focused Couple Therapy)
  • กระบวนการและกลไกของจิตบำบัดแบบการมุ่งเน้นทางอารมณ์สำหรับคู่รัก (Emotionally Focused Couple Therapy)
  • ขั้นตอนจิตบำบัดแบบการมุ่งเน้นทางอารมณ์สำหรับคู่รัก (Emotionally Focused Couple Therapy)

 

อัตราค่าลงทะเบียน
  • 8,500 บาท (อัตราค่าลงทะเบียนนี้ รวมอาหารว่าง อาหารกลางวัน เอกสารการอบรมและประกาศนียบัตรสำหรับผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 80% ของเนื้อหา)

 

*การยกเลิกการลงทะเบียน ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าลงทะเบียนทุกกรณี*

 

 

 

 

ศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เบอร์โทรศัพท์โครงการ : 061-736-2859
อีเมล : psychulaworkshop@gmail.com

คณะจิตวิทยาเข้าร่วมแสดงมุทิตาจิต ในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต หลักสูตร การเตรียมตัวและการปฏิบัติตนหลังเกษียณ ประจำปี พ.ศ. 2568

คณะจิตวิทยาเข้าร่วมแสดงมุทิตาจิต ในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต หลักสูตร การเตรียมตัวและการปฏิบัติตนหลังเกษียณ ประจำปี พ.ศ. 2568 ของมหาวิทยาลัย ที่จัดขึ้นให้กับผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในการนี้คณะจิตวิทยามีผู้เกษียณอายุราชการ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.เรวดี วัฒฑกโกศลอาจารย์ประจำคณะจิตวิทยา แขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ

นอกจากนี้ คณะจิตวิทยาได้รับเกียรติให้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต อาจารย์พิเศษคณะจิตวิทยา และอดีตคณบดีคณะจิตวิทยา ขึ้นกล่าวบรรยายในหัวข้อ “การดูแลสุขภาพใจ”

 

 

 

 

 

 

Developmental Psychology Special Classes by Assoc. Prof. Yao Zheng

 

Join us for a Special Class on “Parenting and Parent-Child Relationships during Adolescence”

 

Speaker: Assoc. Prof. Yao Zheng, University of Alberta

 

Date: 14 August 2025

Time: 6-9 PM

Venue: 4th Floor, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University

 

Open to:

  • Psychology students, faculty, and staff of Chulalongkorn University
  • Research community from other Thai universities
  • Staff from Thai middle and high schools

 

Conducted in English | E-certificates provided

Free Registration | Limited Seats Available

 

Register by 10 August 2025 https://forms.gle/rxZZAMjqBU4VajWX7

 

 

 

 


 

 

Join us for a Special Class on “Peer Relationships during Adolescence”

 

Speaker: Assoc. Prof. Yao Zheng, University of Alberta

 

Date: 19 August 2025

Time: 6-9 PM

Venue: 4th Floor, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University

 

Open to:

  • Psychology students, faculty, and staff of Chulalongkorn University
  • Research community from other Thai universities
  • Staff from Thai middle and high schools

 

Conducted in English | E-certificates provided

Free Registration | Limited Seats Available

 

Register by 12 August 2025 https://forms.gle/TmFTApcHEMK4JqLR9

 

 

 

 


 

 

Join us for a Special Class on “Adolescent Mental Health”

 

Speaker: Assoc. Prof. Yao Zheng, University of Alberta

 

Date: 21 August 2025

Time: 6-9 PM

Venue: 4th Floor, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University

 

Open to:

  • Psychology students, faculty, and staff of Chulalongkorn University
  • Research community from other Thai universities
  • Staff from Thai middle and high schools

 

Conducted in English | E-certificates provided

Free Registration | Limited Seats Available

 

Register by 15 August 2025 https://forms.gle/v7EtHcGD8pYiL4dd9

 

 

 

 


 

 

Join us for a Special Class on “Genetic and Environmental Influences on Human Development”

 

Speaker: Assoc. Prof. Yao Zheng, University of Alberta

 

Date: 25 August 2025

Time: 6-9 PM

Venue: 4th Floor, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University

 

Open to:

  • Psychology students, faculty, and staff of Chulalongkorn University
  • Research community from other Thai universities
  • Staff from Thai middle and high schools

 

Conducted in English | E-certificates provided

Free Registration | Limited Seats Available

 

Register by 18 August 2025 https://forms.gle/ekaSr6VLseNwYPYd7

 

 

 

แสดงความยินดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 63 ปี แห่งการสถาปนาบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาฯ

 

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย คุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และคุณเวณิกา บวรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ คณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ธิติ บวรรัตนารักษ์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย คณะผู้บริหารและบุคลากร เนื่องในโอกาสครบรอบ 63 ปี แห่งการสถาปนาบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ อาคารเฉลิมราชกุมารี(จามจุรี 10) ชั้น 20 จุฬาฯ

 

 

 

 

 

จะพูดคุยกับลูกเรื่องความไม่สงบอย่างไรดี?

 

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังคุกรุ่น เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสำหรับคนเป็นพ่อแม่ ที่จะอธิบายให้ลูก ๆ เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่เขาจะไม่รู้สึกกลัว สับสน หรือหมดหวังกับโลกใบนี้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เด็ก ๆ รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากกว่าที่เราคิด ทั้งข่าวจากโทรทัศน์ การพูดคุยของผู้ใหญ่ในบ้าน หรือแม้แต่คลิปในโซเชียลมีเดียที่เลื่อนผ่านตา คำถามอย่าง “ทำไมเขาทำร้ายกัน?” หรือแม้แต่ “พรุ่งนี้เราจะปลอดภัยไหม?” อาจผุดขึ้นในใจลูก โดยที่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกมา

 

คำถามคือ…เราจะอธิบายกับลูกอย่างไรดี?

 

บางครั้ง คำตอบที่เราให้ อาจไม่ต้องซับซ้อน หรือลงรายละเอียดมากนัก เพียงแค่เรานั่งลงข้าง ๆ รับฟังความคิดความรู้สึกของลูกโดยไม่ตัดสิน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย และยืนยันว่า “หนูจะปลอดภัย และพ่อแม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ” ก็อาจเพียงพอแล้ว

 

 

ใจความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือเราต้องไม่สร้างความกลัว หรือความตื่นตระหนกในใจลูก แต่ควรปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ ความหวัง และความเคารพในความเป็นมนุษย์ของทุกคน เพื่อทำให้เขาเห็นว่า แม้โลกใบนี้จะมีความขัดแย้ง แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่พยายามช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน

 

 

แนวทางการพูดคุยกับลูก : ข้อมูลจาก UNICEF และสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา

 

 

DOs

 

  1. ตั้งคำถามก่อน แล้วให้เด็กเล่า อาจเริ่มถามว่าเด็กเข้าใจหรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับข่าวหรือสถานการณ์ แล้วฟังโดยไม่ตัดความรู้สึกของเด็ก
  2. ใช้ภาษาที่เหมาะสมกับวัย เลือกคำพูดเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้น้ำเสียงที่สงบไม่ตื่นเต้น หรือปลุกเร้าอารมณ์ทางลบ
  3. สนับสนุนให้เด็กแสดงความเห็นอกเห็นใจ สอนเด็กให้เห็นถึงคนที่ช่วยเหลือผู้อื่น และให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การบริจาค
  4. สร้างความรู้สึกปลอดภัยแก่เด็ก โดยยืนยันว่าเด็กอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ มีความมั่นคง และมีความปลอดภัยเสมอ
  5. เปิดโอกาสให้เด็กถามและพูดความรู้สึก ให้พื้นที่เด็กสามารถถามคำถาม และพูดถึงความกลัวหรือความสับสนโดยไม่มีการตัดสิน เช่น ถ้าเด็กบอกว่าเขากลัว หรือเศร้า อย่าตอบว่า “อย่าคิดมาก” แต่ควรพูดว่า “เป็นเรื่องปกติมากเลยที่จะรู้สึกแบบนั้น”
  6. สังเกตและดูแลสุขภาพจิต ให้ความสำคัญกับอาการเครียด หากเด็กมีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ กลัวเสียงดัง หรือถอนตัวจากกิจกรรม ควรพาไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว

 

 

DON’Ts

 

  1. อย่าพูดมากจนเด็กฟังไม่ทัน หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลจำนวนมาก ๆ ในคราวเดียว และควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่ก่อให้เกิดภาพน่ากลัวในใจเด็ก เช่น “เขาทำร้ายกันอย่างโหดเหี้ยม”
  2. อย่าหลอกหรือให้ข้อมูลเกินจริง เช่น อย่าโกหกว่า “ไม่มีอะไร” หรือหลีกเลี่ยงคำถาม แต่ควรตอบด้วยความจริงตามวัยของเด็ก
  3. อย่าบังคับให้เด็กพูดหรือวาดภาพประสบการณ์ที่เจ็บปวด และไม่ควรบังคับกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกเครียดขึ้น แต่ต้องให้เขามีสิทธิ์เลือกแสดงออกตามความพร้อม
  4. อย่าเลี่ยงคำถามของเด็กหรือพูดไม่ตรงประเด็น อย่าปัดคำถาม หรือตอบไม่ตรงประเด็น เพราะอาจทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกละเลย
  5. อย่ากังวลจนแสดงออกมาให้เด็กเห็น เพราะเด็กอาจได้รับอารมณ์นั้นจากผู้ใหญ่ ควรแสดงความมั่นใจให้เขารู้ว่าเราควบคุมสถานการณ์ได้
  6. อย่าคุยเพียงครั้งเดียวแล้วจบ ควรสร้างช่องให้เด็กเล่าเพิ่มเติมและติดตามอาการทางอารมณ์ต่อเนื่อง เด็กอาจมีคำถามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นควรสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างในการพูดคุย

 

 

 

 

 

บทความโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์
รองคณบดี อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม และแขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์

บรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จ ด้วยพลังแห่งความหวัง

 

เมื่อเราพูดถึงคำว่า “ความหวัง” เชื่อว่าทุกท่านมีความคุ้นเคยกับคำ ๆ นี้ ทุกท่านเคยสังเกตไหมคะว่าเรามักจะตั้งความหวังโดยใช้คำว่า “หวังว่า” เป็นประจำเมื่ออยู่ในเหตุการณ์ 2 ประเภทดังนี้

 

  1. เริ่มจะทำกิจกรรมที่สำคัญอะไรบางอย่าง เช่น “พรุ่งนี้จะสอบ หวังว่าจะทำข้อสอบได้คะแนนดีๆ” หรือ “เย็นนี้จะมีประชุมงานนัดสำคัญ หวังว่ารถจะไม่ติด”
  2. เมื่อประสบกับเหตุการณ์ทางลบ เช่น “หญิงสาววัยรุ่นถูกเพื่อนล้อว่าอ้วน ก็มักจะตั้งความหวังว่าจะลดน้ำหนักให้ผอมโดยเร็ว” หรือ “คนรักบอกเลิกไปมีคนอื่น ก็หวังว่าเราได้พบคนรักใหม่ที่ดีกว่าเดิม”

 

อย่างไรก็ตาม เราจะบรรลุเป้าหมายตามที่เราตั้งความหวังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการค่ะ

 

ทฤษฎีความหวัง (Hope Theory) เสนอโดย Charles Richard Snyder (1994) กล่าวว่า “ความหวัง” เป็นคุณลักษณะทางจิตวิทยาทางบวกที่สำคัญของบุคคล ความหวังมีพลังในการขับเคลื่อนให้บุคคลลงมือทำพฤติกรรมต่าง ๆ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อบุคคลประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวังไว้ก็ส่งผลให้เกิดความสุขในชีวิต

 

ดังนั้น ความหวังในทัศนะของ Snyder (2000) จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ “อารมณ์ความรู้สึก” ที่เรามักจะพูดว่า “มีหวังลม ๆ แล้ง ๆ” ที่ดูเหมือนว่าไร้น้ำหนัก ไร้ทิศทาง แต่เป็นกระบวนการทางความคิด (cognitive process) ของบุคคลที่เน้นไปยังการลงมือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

 

 

ความหวังประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ คือ

 

1. เป้าหมาย (Goals):

 

ความหวังเริ่มต้นจากการที่บุคคลต้องมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความหมายเฉพาะตัวสำหรับบุคคลนั้น เช่น เป้าหมายของนักกีฬา คือ เหรียญทองในการแข่งขัน แต่ เป้าหมายของสาวรุ่นที่รับรู้ว่าตนเองน้ำหนักเกิน คือ น้ำหนักลดลง

 

สิ่งสำคัญของการตั้งเป้าหมาย คือ เป้าหมายเหล่านี้ต้องเกิดจากบุคคลความต้องการของบุคคลนั้นเอง ไม่มีใครบังคับ มีความน่าสนใจและท้าทายความสามารถในระดับหนึ่ง จึงจะช่วยกระตุ้นให้บุคคลมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการลงมือทำให้สำเร็จ

 

2. วิถีทาง (Pathways):

 

เมื่อมีเป้าหมายแล้ว บุคคลต้องสามารถมองเห็น “วิถีทาง” หรือแนวทางที่เป็นไปได้ในการไปสู่เป้าหมายนั้น วิถีทาง คือแผนการหรือกลยุทธ์ที่บุคคลเชื่อมั่นว่าจะนำพาตนเองไปสู่ความสำเร็จได้ การมีวิถีทางที่หลากหลายและยืดหยุ่น จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเป้าหมายนั้นสามารถบรรลุได้ แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรค เช่น หญิงสาววัยรุ่นที่รับรู้ว่าตนเองน้ำหนักเกิน ตั้งเป้าหมาย คือ น้ำหนักลดลง ดังนั้นแผนการไปสู่เป้าหมาย “น้ำหนักที่ลดลง” ต้องมีความหลากหลายเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมหลายด้าน เช่น ลดการดื่มเครื่องดื่มรสหวาน ลดการรับประทานอาหารเย็น และมีการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย

 

ข้อแนะนำที่สำคัญคือ การลดปริมาณการกินอาหาร การเพิ่มเวลาและวิธีการออกกำลังกายต้องมีความยืดหยุ่นทั้งในด้านปริมาณและจำนวนครั้ง บุคคลต้องกำหนดปริมาณและจำนวนครั้งของการลดหรือเพิ่มพฤติกรรมที่จะนำไปสู่เป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้

 

3. พลังใจ (Agency):

 

คือความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง (Self-efficacy; Bandura, 1997) ในการจะลงมือทำตาม “วิถีทาง” ที่ตนวางไว้ วิธีการที่ช่วยส่งเสริมให้บุคคลมีความมั่นใจในตนเองและอดทนในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย เช่น

 

3.1 ตั้งเป้าหมายย่อยๆ ที่สามารถทำแล้วประสบความสำเร็จได้ง่ายก่อน เราก็จะรู้สึกมั่นใจ มีพลังที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ยากขึ้น มีความท้าทายอีกระดับที่สูงขึ้น เช่น การลดน้ำหนักด้วยวิธีการออกกำลังกายด้วยการเดินทุกวัน ขั้นแรกอาจตั้งเป้าหมายไว้ว่า เดินวัน เว้น วัน ให้ได้วันละ 1000 ก้าวก่อน หลังจากทำได้สำเร็จตามเป้าหมายแรกแล้ว ขั้นต่อไปเราจึงค่อย ๆ เพิ่มเป็น 2000 ก้าว เป็นต้น

 

3.2 หาตัวช่วย เช่น มีเพื่อนร่วมเดินออกกำลังด้วยกัน คอยให้กำลังใจ หรือกระตุ้นเตือนเมื่อถึงเวลาที่นัดกันไปเดินออกกำลัง นอกจากนี้ ตัวช่วยที่สำคัญและมีอิทธิพลอย่างมากในยุคสังคมออนไลน์ในปัจจุบันคือ Influencer หรือ บุคคลที่มีชื่อเสียงใน Platform ต่างๆ ที่เราชื่นชอบและเป็นตัวแบบในการลดน้ำหนักได้อย่างประสบความสำเร็จ เราจะได้รับข้อมูลจากบุคคลตัวแบบนั้นว่าท่านเหล่านั้นใช้เทคนิควิธีการอย่างไรในการประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก เฉพาะอย่างยิ่งเทคนิควิธีการที่บุคคลนั้นใช้เมื่อประสบปัญหาระหว่างทางก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย เราสามารถเรียนรู้และก็ปรับวิธีการนั้นมาใช้กับตัวเราได้

 

จากคำอธิบายข้างต้น ทุกท่านจะเห็นได้ว่า ทฤษฎีความหวัง เน้นให้เห็นว่า ความหวังไม่ใช่เพียงอารมณ์เชิงบวกอย่างเดียว หากแต่เป็นทักษะทางความคิดที่เราสามารถพัฒนาและฝึกฝนได้

 

การส่งเสริมให้บุคคลมีความหวังตามแนวทฤษฎีความหวัง จะช่วยเพิ่มความสามารถในการตั้งเป้าหมายที่ตรงกับความเป็นจริง มีวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคือ มีความหวังอย่างเดียวไม่ได้ บุคคลจะต้องลงมือทำตามแผนการที่วางไว้ด้วยจึงจะทำให้ความหวังกลายเป็นความจริงได้

 

หากจะสรุปแนวคิดจิตวิทยาทางบวก (Positive psychology; Seligman, 2002) อาจกล่าวได้ว่า ความหวัง (Hope) เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่ทำให้คุณเป็น HERO ของชีวิตตัวเองได้ กล่าวคือ คุณมีความหวัง (Hope) นั่นหมายความว่าคุณมีเป้าหมายในชีวิต คุณจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่วางแผนไว้ได้นั้น คุณต้องมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง (Efficacy) คุณมั่นใจว่าคุณสามารถทำได้ เมื่อคุณอยู่ในระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ คุณอาจประสบกับปัญหา อุปสรรค ความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิต การมีความหวังและความเชื่อมั่นในตนเองจะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่น (Resilience) พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการต่าง ๆ ด้วยการปรับมุมมองเหตุการณ์ที่เลวร้ายต่าง ๆ นั้นในอีกแง่มุมที่เป็นบวก (Optimism) คุณก็จะมีพลังฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งความหวังไว้ได้จริงอย่างแน่นอนค่ะ

 

 

 

อ้างอิง

 

Bandura, A. (1977). Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84(2), 191–215.

 

Seligman, M. E. P. (2002). Authentic Happiness: Using the New Positive Psychology to Realize Your Potential for Lasting Fulfillment. New York: Free Press

 

Snyder, C. R. (1994). The psychology of hope: You can get there from here. Free Press

 

Snyder, C.R. (2000). Handbook of Hope. Academic Press: San Diego, CA, USA.

 

 


 

 

บทความโดย

รองศาสตราจารย์ ดร.เรวดี วัฒฑกโกศล

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ

 

Psychological Science Special Talk on “Cyborg Psychology: Designing Human-AI Interactions for Promoting Human Flourishing”

 

You are cordially invited to the Psychological Science Special Talk on “Cyborg Psychology: Designing Human-AI Interactions for Promoting Human Flourishing” by Dr. Pat Pataranutaporn, Assistant Professor, Massachusetts Institute of Technology (MIT) Co-director of the Advancing Humans with AI research program at the MIT Media Lab July 22nd, 2025, from 9:00-12:00, Room 401 at The Faculty of Psychology, Chulalongkorn University.

 

Please register to reserve your seat at https://forms.office.com/r/FndtkTUdKN

 

 


Abstract:
Creating AI systems that augment human capabilities, psychological functioning, and promote personal and societal flourishing demands expertise in multiple research fields. My research takes an interdisciplinary, human-centered approach to the development of personal AI systems and the understanding of the complexity of human-AI interaction. More specifically, my research: (1) Creates novel AI prototypes through personalized multi-modal systems that support human flourishing by facilitating learning and enhancing well-being; (2) Examining the science of human augmentation by AI systems through large-scale experimental studies that reveal the effects of AI on human decision-making, sense-making, behavior, beliefs, sense of self, and other critical aspects; (3) Proposes new techniques including novel platforms and tools that others can use to implement human augmentation systems; and (4) Develops novel research methods that combine qualitative and quantitative analyses of human-AI interaction. The goal of my work is to establish a new discipline that focuses on the science of human-AI interaction for human augmentation and empowers AI developers with a more informed understanding of the implications of design choices for AI systems that interact with humans. My hope is to catalyze a new intellectual renaissance and contribute to the advancement of AI that benefits the human experience.

 

 

 

 


 

 

The Faculty of Psychology would like to express our sincere appreciation to our guest speaker, Asst. Prof. Pat Pataranutaporn, Ph.D., from the Massachusetts Institute of Technology (MIT), Co-director of the Advancing Humans with AI research program at the MIT Media Lab, as well as to all participants who attended the special lecture titled “Cyborg Psychology: Designing Human-AI Interactions for Promoting Human Flourishing” on July 22nd, 2025, from 9:00 AM to 12:00 PM at Room 401, Borommaratchachonnani Srisataphat Building, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University.