ข่าวและกิจกรรม

เกิดอะไรขึ้น ? เมื่อเด็กก้าวเข้าสู่วัยรุ่น

 

 

เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย… หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้าง

 

แล้วเคยสงสัยกันมั้ยว่า การเป็นวัยรุ่นเหนื่อยอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้างกับการเป็นวัยรุ่น และถ้าอยากจะลดความเหนื่อยล่ะ จะทำได้อย่างไร

 

วัยรุ่น เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากเด็กมาสู่การเป็นผู้ใหญ่ หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นนั้น เหตุผลหลัก ๆ คือ เพื่อเตรียมวัยรุ่นให้พร้อมกับการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่

 

ดังนั้น เมื่อเด็กก้าวเข้าสู่วัยรุ่นจึงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่จะเป็นพื้นฐานต่อการรับบทบาทในฐานะผู้ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

โดยการเปลี่ยนแปลงที่วัยรุ่นจะต้องเผชิญนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย (Biological transitions) การเปลี่ยนแปลงด้านสติปัญญา (Cognitive transitions) และการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม (Social transitions)

 

  • การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย (Biological transitions)

เมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ความสูงและน้ำหนัก ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงวัยรุ่น หรือการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่แสดงให้เห็นถึงการมีวุฒิภาวะทางเพศ เช่น เด็กชาย มีกล้ามเนื้อมากขึ้น มีเสียงที่เปลี่ยนไป หรือในเด็กหญิงที่มีการขยายของหน้าอกและสะโพก จนเกิดเป็นคำทักทาย “โตเป็นสาวแล้วนะเนี่ย” หรือ “โตเป็นหนุ่มเลย” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายนอก นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในร่างกายด้วยเช่นกัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงการหลั่งของระดับฮอร์โมนเพศ (Sex hormone) ซึ่งทำให้เด็กชายมีการหลั่งครั้งแรก (First ejaculation) หรือเด็กหญิงที่มีประจำเดือนครั้งแรก

 

และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายเหล่านี้ ทำให้วัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยรุ่น หรือเพิ่งจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย มีความกังวลในรูปลักษณ์ของตนเอง หรือกังวลกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง

 

การเปลี่ยนแปลงต่อมาคือ

  • การเปลี่ยนแปลงด้านสติปัญญา (Cognitive transitions)

การเปลี่ยนแปลงด้านสติปัญญาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับความสามารถของวัยรุ่นในการทำความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว โดยวัยรุ่นจะสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากความเป็นไปได้ต่าง ๆ เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น สูตรทางเคมี สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ

 

ถ้าจะให้กล่าวโดยสรุปก็คือ วัยรุ่นมีความสามารถในการเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ละเอียดและลึกซึ้งมากขึ้น

 

แต่นอกจากนี้ วัยรุ่นยังมีลักษณะความคิดที่เป็นความเฉพาะตัวของช่วงวัยด้วย ลักษณะแรกคือ การมีผู้ชมในจินตนาการ (Imaginary audience) โดยวัยรุ่นจะคิดว่าคนรอบข้างนั้นจะคอยสังเกตลักษณะหรือพฤติกรรมของวัยรุ่นอยู่ตลอดเวลา เปรียบได้กับการที่วัยรุ่นอยู่บนเวทีที่มีคนรอบข้างเป็นผู้ชมคอยจับจ้อง ซึ่งอาจทำให้วัยรุ่นกังวลกับรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น อีกลักษณะคือ ความคิดที่ว่า ตนเองเป็นคนพิเศษ ประสบการณ์ของตนเองนั้นมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจง (Personal fable) ดังนั้นผู้ใหญ่อาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “พ่อไม่เข้าใจผมหรอก…” หรือ “แม่ไม่เข้าใจในสิ่งที่หนูเจอหรอก…” เป็นต้น ซึ่งความคิดในลักษณะนี้ยังทำให้วัยรุ่นมีความเชื่อได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่นจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา ความเชื่อในลักษณะนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เพราะเชื่อว่าอุบัติเหตุหรืออันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา

 

การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มสุดท้ายคือ

  • การเปลี่ยนแปลงด้านสังคม (Social transitions)

 

การเปลี่ยนแปลงด้านสังคมมีทั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในตนเอง และการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

 

การเปลี่ยนแปลงภายในตนเองที่เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเด็กก้าวสู่วัยรุ่นคือ การพัฒนาอัตตลักษณ์ (Identity) หรือ การพยายามหาคำตอบว่า ฉันคือใคร ซึ่งช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงของการสำรวจและทดลองสิ่งต่าง ๆ เพื่อหาสิ่งที่ตรงกับตนเอง ดังนั้นประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้วัยรุ่นได้ค้นพบสิ่งที่เป็นตัวตน

 

นอกจากนี้เมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ความสัมพันธ์ที่วัยรุ่นมีกับคนรอบข้างเกิดการก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น

    • ความสัมพันธ์กับครอบครัว ที่อาจจะมีการใช้เวลาร่วมกันที่ลดลง เนื่องด้วยวัยรุ่นต้องการที่จะมีอิสระมากขึ้น
    • ความสัมพันธ์กับเพื่อน ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของวัยรุ่นมากขึ้น เป็นแหล่งสนับสนุนที่เพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตวัยรุ่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ “แทนที่” ความสัมพันธ์กับครอบครัวแต่เป็นสิ่งที่ “เพิ่มเติม” นอกเหนือไปจากความสัมพันธ์กับครอบครัว
    • ความสัมพันธ์แบบคู่รัก ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยนี้ ความสัมพันธ์ที่วัยรุ่นต้องเริ่มต้นทำความรู้จักและเรียนรู้ที่จะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้

จะเห็นได้ว่าเมื่อเด็กก้าวเข้าสู่วัยรุ่น มีเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้น และเพื่อให้วัยรุ่นสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอันมากมายที่เกิดขึ้น

 

จะทำอย่างไรดี… ที่จะช่วยลดความเหนื่อยจากการก้าวเข้าสู่วัยรุ่น

 

ไม่ว่าจะเป็นตัววัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้าง สิ่งที่สำคัญคือ เปิดใจ เข้าใจ และเรียนรู้

 

เปิดใจ… สังเกตและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งตัววัยรุ่นเองและผู้ใหญ่ การเปิดใจจะช่วยลดความกลัวและความวิตกกังวลของวัยรุ่นที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่

 

เข้าใจ… ความพยายามที่จะทำความเข้าใจทั้งต่อสาเหตุและเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้าง

 

เรียนรู้… ที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งตัววัยรุ่นเองที่ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และผู้ใหญ่ที่ยังต้องเรียนรู้ว่าจะปรับตัวให้เข้ากับเด็กที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้ที่จะปรับตัวซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่สามารถอยู่ร่วมกันได้ พร้อมทั้งสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้

 

 

 

อ้างอิง

Arnett, J. J. (2018). Adolescence and emerging adulthood (6th ed.). New Jersey: Pearson.

Steinberg, L. (2017). Adolescence (11th ed.). New York: McGraw-Hill Education.

 

 


 

 

 

บทความโดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรภัทร รวีภัทรกุล
อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ

 

 

ขอแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬา

 

วันที่ 29 มกราคม 2568 ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย คุณเวณิกา บวรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ และคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร คณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีตักบาตร และแสดงความยินดีกับ ศ. ดร.ประณัฐ โพธิยะราช คณบดี และผู้บริหารคณะวิทยาศาสตร์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ อาคารแถบ นีละนิธิ ชั้น 2 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

 

“จิตวิทยา จุฬาฯ” ร่วมกับ “สสส.” มอบรางวัลเชิดชู 11 องค์กรต้นแบบ สร้างเสริมสุขภาวะทางจิต (Thai Mind Awards)

 

“จิตวิทยา จุฬาฯ” ร่วมกับ “สสส.” มอบรางวัลเชิดชู 11 องค์กรต้นแบบ สร้างเสริมสุขภาวะทางจิต (Thai Mind Awards)

 

 

โครงการ “Thai Mind Awards” เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 2 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ “คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” และ “สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต” (TIMS) โดยความสนับสนุนของ สสส. ที่ได้ร่วมกันวิจัยและพัฒนาระบบเกณฑ์การคัดเลือกสุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตดีเด่น เพื่อเฟ้นหาและเชิดชูองค์กรต้นแบบสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตให้กับพนักงาน

5 องค์กร ที่ชนะรางวัล “สุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิต” (The Excellence in Thai Mind Awards) ได้แก่

  1. บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
  2. เอไอเอ ประเทศไทย จำกัด
  3. บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด สาขาปราจีนบุรี
  4. บริษัท ยีอี เมดิคอล ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  5. โรงพยาบาลเพื่อนสัตว์เลี้ยงศรีราชา

 

6 องค์กร ที่ได้รับรางวัลพิเศษ (The Honorable Mention Awards) ในมิติต่าง ๆ ของ GRACE ได้แก่

  1. ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์
  2. บริษัท เอเอ็นซี โบรเกอเรจ จำกัด
  3. บริษัท ซีเมนส์ เฮลธ์แคร์ จำกัด
  4. บริษัท ทีดีซีเอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
  5. โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์
  6. บริษัท สิ่งทอซาติน จำกัด และ บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี่ จำกัด (ในนามของ PASAYA)

 

 

 


 

ข่าวและภาพจาก https://www.chula.ac.th/news/213249

 

พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 22 มกราคม 2568 ณ หอประชุมจุฬาฯ โดยมี ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงการดูแลสุขภาวะทางจิตของบุคลากรในองค์กรไทย ผศ.ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์และการดำเนินงานโครงการ

 

 

 

จากนั้นเป็นพิธีมอบรางวัลสำหรับสุดยอดองค์กรสร้างเสริมสุขภาวะทางจิต (Thai Mind Awards) และมอบรางวัลสำหรับองค์กรที่มีความโดดเด่นในมิติต่างๆ ของสุขภาวะ (The Honorable Mention Awards)

 

 

 

 

ปิดท้ายด้วยการบรรยายเรื่อง การดูแลสุขภาวะของบุคลากรจุฬาฯ โดย ศ. ดร.คณพล จันทร์หอม รองอธิการบดีจุฬาฯ และการเสวนาแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ยอดเยี่ยมขององค์กรที่ได้รับรางวัลโดยผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัล

 

 

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจิตบำบัดแบบมุ่งเน้นอารมณ์สำหรับคู่รัก

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจิตบำบัดแบบมุ่งเน้นอารมณ์สำหรับคู่รัก โดยคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ

Learning Emotionally Focused Couple Therapy (EFT): An Introduction to Comprehensive Theory, Basic Skills, and a Step-by-Step Process

 

การอบรมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน ทักษะที่สำคัญและกระบวนการตามแนวคิด Emotionally Focused Couple Therapy (EFT) เหมาะสำหรับนักจิตวิทยา หรือผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพจิต จัดโดย ศูนย์สุขภาวะทางจิต (Center for Psychological Wellness) คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

รุ่นที่ 1

วันที่ 8-10 มีนาคม 2568 เวลา 9.30 – 16.30 น.

ณ ห้อง 614 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

——– รุ่นทีี่ 1 อบรมเสร็จสิ้นแล้ว ———

 

รุ่นที่ 2

วันที่ 22-24 มีนาคม 2568

ณ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ

– วันที่ 22 มี.ค. 2568 ห้อง 809 ชั้น 8

– วันที่ 23-24 มี.ค. 2568 ห้อง 614 ชั้น 6

——– รุ่นทีี่ 1 อบรมเสร็จสิ้นแล้ว ———

 

รุ่นที่ 3

วันที่ 23-25 พฤษภาคม 2568
ณ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ
ห้องอเนกประสงค์ ขั้น 4 คณะจิตวิทยา
– ปิดรับลงทะเบียนวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 หรือเมื่อมีผู้ลงทะเบียนครบตามจำนวน)


ลงทะเบียนทาง https://forms.gle/E9W825Tm5QP7mNjM8

 

วิทยากร

 

รับจำนวนจำกัด รุ่นละ 30 ท่าน เท่านั้น

 

อัตราค่าลงทะเบียน
  • 8,500 บาท (อัตราค่าลงทะเบียนนี้ รวมอาหารว่าง อาหารกลางวัน เอกสารการอบรมและประกาศนียบัตรสำหรับผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 80% ของเนื้อหา)

 

*การยกเลิกการลงทะเบียน ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าลงทะเบียนทุกกรณี*

 

 

 

 

ศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เบอร์โทรศัพท์โครงการ : 093-354-2650
อีเมล : psychulaworkshop@gmail.com

คณะจิตวิทยาเข้าพบท่านอธิการบดี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568

 

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เข้าพบท่านอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร เพื่อขอพรปีใหม่เนื่องในโอกาสขึ้นปีพุทธศักราช 2568 โดยท่านอธิการได้ให้คำอวยพรที่เป็นสิริมงคลต่อคณะจิตวิทยา

 

 

 

 

Workshop : เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4”

 

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4” ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ห้อง 614 ชั้น 6 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชราภรณ์ บุญญศิริวัฒน์ อาจารย์พิเศษแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร

 

 

 

 

การเจรจาต่อรอง เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาระหว่างครอบครัว การเจรจาทางธุรกิจ เป็นต้น ผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจาก “การเจรจาต่อรอง” ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากและมักจะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อเราจะต้องประสานงานการทำงานกับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นการเจรจาต่อรองกับผู้ที่เราจะต้องดำเนินธุรกิจด้วยหรือแม้แต่การเจรจาต่อรองที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในมิติอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นควรต่อรองหรือไม่ คุ้มหรือไม่กับการต้องต่อรอง หากต้องนิยามคำว่าเจรจาต่อรอง ก็สามารถให้ความหมายแบบกว้าง ๆ คือ กระบวนการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) มีบุคคลร่วมเจรจา 2 ฝ่ายขึ้นไป ถือเป็นกิจกรรมที่มีความทางการ มีการกำหนดจุดยืน มีผลประโยชน์ที่ต้องการแลกเปลี่ยนกัน และมุ่งหวังให้ผลประโยชน์หรือข้อกำหนดนั้นบรรลุความต้องการของทุกฝ่าย

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง” จึงเป็นโครงการสำหรับผู้ที่ต้องเข้าใจในพื้นฐานของการเจรจาต่อรอง โดยมุ่งเน้นการศึกษาไปยังเทคนิคพื้นฐานในกระบวนการของการต่อรอง ว่าการออกไปพบปะผู้คนควรวางแผนและเตรียมตัวล่วงหน้าในการเจรจาอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการคาดหวังว่าผู้ที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำเทคนิคดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

 

 

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเกียรติบัตรการเข้าร่วมโครงการจากคณะจิตวิทยา

 

 

วิธีการฝึกอบรม
  • ภาคทฤษฎี – โดยการบรรยาย ระยะเวลา 3 ชั่วโมง
  • ภาคปฏิบัติ – โดยการฝึกปฏิบัติ ระยะเวลา 3 ชั่วโมง

 

 

การอบรมมีอัตราค่าลงทะเบียน ท่านละ 4,500 บาท

(ราคานี้รวมอาหารกลางวัน อาหารว่าง เอกสารประกอบการอบรมและวุฒิบัตร)

 

 

 

เงื่อนไขการลงทะเบียน
  1. กรุณาชำระค่าลงทะเบียนเข้าร่วมงานก่อนกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน
  2. การส่งแบบฟอร์มลงทะเบียน จะต้องแนบหลักฐานการชำระเงินค่าลงทะเบียนมาด้วย จึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์
  3. เมื่อผู้จัดงานได้ตรวจสอบการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนให้ทราบภายใน 3 วันทำการ
  4. บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว สามารถเข้าร่วมการอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และมีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ
  5. ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จะจัดส่งให้ทางอีเมลที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
  6. เมื่อชำระเงินค่าลงทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ทุกกรณี

 

 

 


โครงการนี้ปิดรับสมัครแล้่ว


 

 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวาทินี โทร. 02-218-1307 E-mail: wathinee.s@chula.ac.th

 

 


 

 

การเดินทางมายังคณะจิตวิทยา

 

อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ
ขนส่งสาธารณะ
BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออก 2 แล้วเดินตรงเข้ามาทางประตูสนามนิมิบุตร ประมาณ 300 เมตร
รถเมล์ ป้ายสนามกีฬาแห่งชาติ / มาบุญครอง / โอสถศาลา

 

ที่จอดรถ
อาคารจอดรถ 4 ติดกับอาคารจุฬาพัฒน์ 14

 

 

คณะจิตวิทยาร่วมสวัสดีปีใหม่แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัย

 

วันที่ 13 มกราคม 2568 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดี พร้อมด้วยบุคลากร ได้ร่วมสวัสดีปีใหม่แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งรับโอวาทและคำอวยพร ณ ชั้น 20 อาคารจามจุรี 10

 

 

 

 

 

 

 

คณะจิตวิทยาร่วมออกบูทในงาน “CHULA LAND แดนเด็กเล่น” ณ สยามสแควร์

 

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ PMCU จัดกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติใจกลางสยามสแควร์ งาน “CHULA LAND แดนเด็กเล่น” ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 21.00 น. ณ สยามสแควร์

 

ในงานนี้คณะจิตวิทยาร่วมออกบูท Mind Town บริเวณ Block K (ตรงข้าม Siam Square One) มีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้เพลิดเพลินไปด้วยสาระและความสนุกสนานมากมาย จากศูนย์สุขภาวะทางจิต ศูนย์จิตวิทยาเพื่อประสิทธิภาพองค์กร และ ศูนย์จิตวิทยาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างวัย อาทิ

  • ทดลองจิตวิทยาสุดเจ๋ง
  • กิจกรรมชวนเล่นจากนักจิตวิทยา: อะคริลิคส่องใจ ฟังนิทานรู้จักอารมณ์
  • My Emotion…My Shining Mind: สำรวจจิตใจผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์
  • เปิดโลกอาชีพที่น่าสนใจ

 

 

 

 

เครียดงานหลังปีใหม่: พอจัดการได้ ถ้าตั้งหลักดี ๆ

 

รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าเทศกาลปีใหม่ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย หลายคนบ่นว่าเหมือนตื่นมาจากฝัน ความรู้สึกผ่อนคลายกับเวลาสบาย ๆ หมดไปเร็วเหลือเกิน ถึงเวลานี้ หลายคนคงกลับมาใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานแบบเดิม ๆ และอาจมีเพิ่มเติมด้วยความรู้สึกกดดันกับงานกองใหญ่ ที่เคยผัดผ่อนไว้ช่วงก่อนเทศกาล ตอนนั้นอาจคิดไปว่าปีใหม่ เราคนใหม่ จะมีพลังจัดการได้ทุกอย่าง แต่พอกลับมาเจอกองงานอีกครั้ง หรือเห็นงานใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามา ก็อาจพาให้เกิดความเครียดได้

 

แต่อย่างไร อย่าเพิ่งรู้สึกไม่ดีกับความเครียดนะคะ ถ้ารักษาไว้ในระดับพอดี ๆ ความเครียดก็มีประโยชน์ได้ค่ะ ความเครียดที่ไม่สูงเกินไป จะส่งผลให้เราเกิดแรงจูงใจ ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ลงมือทำอะไรไม่นิ่งเนือย ในปีนี้ เราอาจได้ผลงานที่ดี มีประสิทธิภาพในการใช้เวลา หรือเห็นความรุดหน้าในงานถ้าจัดการความเครียดได้ลงตัวนะคะ

 

ในทางกลับกัน ถ้าความเครียดนั้นสูงเกินไป ก็จะส่งผลเสียทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด เกร็ง ไม่สบายใจ บางคนทานไม่ได้นอนไม่หลับ ความเครียดสูงยังบั่นทอนสมาธิ การรับรู้ การตัดสินใจ และส่งผลให้หลาย ๆ คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป บางคนหลีกเลี่ยงหนีสถานการณ์ตึงเครียด ใช้เกม การกินหรือสุรายาเสพติดเป็นเครื่องปลอบใจ ถ้ามาถึงจุดนี้ เราคงต้องตั้งหลักหาวิธีจัดการความเครียดแล้วค่ะ

 

ความเครียดเป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ว่าคุกคามความรู้สึกปลอดภัยหรือไม่ และเรามีตัวช่วยในการรับมือสถานการณ์นั้นมากน้อยเพียงใด ความเครียดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ในสถานการณ์ดี ๆ เช่น ได้เลื่อนตำแหน่ง การแต่งงาน การให้กำเนิดสมาชิกใหม่ในครอบครัว เมื่อไรที่เรารับรู้ว่าตัวเองออกจากพื้นที่ปลอดภัย เราอาจเกิดความเครียดได้

 

เนื่องจากความเครียดมีที่มาหนึ่งจากการรับรู้ของเราเอง การตั้งหลักทบทวนว่าเรารับรู้หรือประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรจึงเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มแรกเลย ลองทบทวนว่าสถานการณ์ตึงเครียดนั้นเกี่ยวข้องกับเรามากน้อยเพียงใด ถ้างานกองใหญ่ที่รออยู่หลังปีใหม่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับเราคนเดียว เราก็อาจจะต้องกระจายปริมาณความเครียดไปให้เหมาะสม

 

นอกจากนั้น ความเครียดเกิดการจากรับรู้ว่าเราถูกคุกคามไม่ปลอดภัย บางทีพอได้ยินคำว่า “งาน” เราก็พาลเครียดไม่ปลอดภัยไปแล้ว แต่ถ้าตั้งหลักมองดี ๆ งานที่ต้องดูแลก็อาจเป็นโอกาสให้เราได้แสดงฝีไม้ลายมือหรือเรียนรู้พัฒนาตัวเองก็ยังได้ และอาจจะไม่ใช่ภัยคุกคามเสมอไป

 

ลองทบทวนดูความคาดหวังของเราสักนิดนะคะว่าจะกดดันตัวเราไปหรือไม่ เช่น ถ้าเรามองแบบดำขาวว่างานกองใหญ่ที่รออยู่ต้องเสร็จไปในทันทีที่ปีใหม่มาถึง แบบนี้ก็คงเครียดไม่น้อย จะผ่อนคลายกว่าแน่ ถ้าเราค่อยๆ ประเมินแล้วตั้งกำหนดเวลาคิดว่าน่าจะค่อย ๆ ทยอยทำงานนั้นไป

 

สุดท้ายแล้ว การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับงานก็ช่วยลดความเครียดไปได้ค่ะ ร่างกายที่พร้อม จิตใจที่แข็งแรงนับเป็นพื้นฐานที่ดี แต่ยังมีวิธีเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมได้ เช่น การจัดสรรเวลาที่ดี การนึกทบทวนนำเอาวิธีการทำงานหรือแนวทางการแก้ปัญหาที่เคยใช้ได้ผลในอดีตกลับมาใช้อีก และหากเฉพาะเราคนเดียวแบกรับงานกองโตไม่ไหว การขอรับกำลังกาย กำลังใจ หรือคำแนะนำจากคนข้างเคียงก็นับเป็นตัวช่วยที่ดีในการบรรเทาความเครียดค่ะ

 

 

การตั้งหลักทบทวนทำความเข้าใจที่มาและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับงานจะช่วยลดความเครียดของเราลงได้ และหากได้ทดลองใช้ให้คุ้นชินตั้งแต่ต้นปี ก็น่าที่จะช่วยให้คุณได้มีเครื่องมือใหม่ ๆ ไว้ใช้จัดการความเครียดต่อไปนะคะ แต่หากลองตั้งหลักทบทวนแล้ว ยังมีประเด็นที่คุณอยากพูดคุยเพิ่มเติมเพื่อจัดการความเครียดของคุณ ติดต่อนักจิตวิทยาได้นะคะ

 

 

 


 

 

 

บทความโดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กุลยา พิสิษฐ์สังฆการ

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา

 

พิธีตักบาตรเนื่องในโอกาสขึ้นพุทธศักราชใหม่ 2568 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

วันที่ 9 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคณาจารย์และบุลากรคณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีตักบาตรเนื่องในโอกาสขึ้นพุทธศักราชใหม่ 2568 ที่จัดขึ้นโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ลานพระศรีมหาโพธิ์ หน้าอาคารจามจุรี 4 เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวจุฬาฯ ในการเริ่มต้นปีใหม่

ภายหลังพิธีตักบาตร ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานพิธี และ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ได้ให้โอวาทและอวยพรปีใหม่แก่ชาวจุฬาฯ