เหมือนกันแค่ไหน…ก็สุขใจแค่นั้น

27 Jun 2025

ผศ. ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์

 

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เลือกแต่งงานด้วยความรัก ไม่ใช่หน้าที่ การมีชีวิตคู่ที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน อาจกลายเป็น “เป้าหมายของชีวิต” ไม่ต่างจากความสำเร็จในอาชีพการงานหรือการพัฒนาตัวเองเลย นี่จึงนำมาสู่อีกหนึ่งคำถามสำคัญว่า “อะไรที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข โดยเฉพาะในยุคนี้ที่คนมองหาความสัมพันธ์ที่ ‘เติบโตไปด้วยกัน’ ไม่ใช่แค่รักกันเฉยๆ?”

 

งานวิจัยจากแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์ และ ดร.วันทิพย์ ชวลีมานนท์ ในหัวข้อ Similarity conquers all: A dyadic study of the Big Five’s extraversion similarity and the Michelangelo phenomenon on marital satisfaction in the Thai context ผนวกเอาแนวคิดทางจิตวิทยาที่สำคัญมาอธิบายถึงความสุขในคู่รักหรือคู่สมรสไว้อย่างน่าสนใจ

 

 

 

เติมเต็มเพื่อไปต่อ: ปรากฏการณ์ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo Phenomenon)


 

 

แนวคิดนี้ชื่ออาจฟังดูไกลตัว แต่สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกคน เมื่ออยู่ถูกที่ ถูกคน และถูกเวลา!

 

นักจิตวิทยาสังคมอธิบายว่า Michelangelo Phenomenon คือกระบวนการที่คู่รัก (หรือคนใกล้ชิด) ช่วย “สนับสนุน” และ “ส่งเสริม” ให้อีกฝ่ายพัฒนาไปสู่ “ตัวตนในอุดมคติ” (ideal self) หรือ “สิ่งที่เขาอยากเป็น” โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงเขาให้เป็นอย่างที่เราต้องการ พูดง่ายๆ คือ คนที่เรารักจะช่วยให้เรา “เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด” ได้จริง

 

องค์ประกอบหลักของ Michelangelo Phenomenon ได้แก่

 

  1. Partner Affirmation (การยืนยันตัวตนในอุดมคติของอีกฝ่าย):
    การที่คนรัก “มองเห็น” ตัวตนอุดมคติของเรา และสนับสนุนพฤติกรรม คำพูด การตัดสินใจ หรือการเลือกต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายเหล่านั้น
  2. Self-Movement Toward the Ideal Self (การเข้าใกล้ตัวตนในอุดมคติ):
    เมื่อได้รับการยืนยันตัวตนอย่างต่อเนื่อง เราจะรู้สึกมั่นใจ และมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่สิ่งที่เราใฝ่ฝันจริง ๆ เช่น กล้าทำงานใหม่ๆ หรือกล้าพัฒนาทักษะที่เราไม่เคยมีมาก่อน
  3. Dyadic Outcome (ผลลัพธ์ของคู่):
    เมื่อทั้งสองฝ่ายช่วย “แกะสลัก” กันและกันอย่างเข้าใจ ไม่บังคับ ความสัมพันธ์จะยิ่งแน่นแฟ้นและมีความสุขมากขึ้น

 

คู่รักที่เกิดปรากฏการณ์นี้ มักจะ “แกะสลัก” ตัวตนของอีกฝ่ายให้ค่อย ๆ ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาอยากเป็น เหมือนศิลปินระดับโลก Michelangelo ที่แกะหินให้เป็นงานศิลปะ ซึ่งในบริบทของความสัมพันธ์แบบคู่รัก นั่นคือการ “ยืนยันตัวตน” ของกันและกัน (partner affirmation) เช่น สนับสนุนกันในสิ่งที่อีกฝ่ายวาดฝันไว้ ให้กำลังใจเวลาทำอะไรใหม่ๆ ไม่ตัดสิน และไม่ดูถูก การสนับสนุนในลักษณะนี้ทำให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง มีความหมาย และส่งผลต่อความยั่งยืนและความพึงพอใจในความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก

 

ตัวอย่างในชีวิตจริง:

  • คนรักที่รู้ว่าเราฝันอยากเปิดร้านกาแฟ แล้วคอยสนับสนุนให้เราไปเรียนบาริสตา ชวนดูร้านต่าง ๆ และไม่มองว่านั่นเป็นความฝันไร้สาระ — นั่นคือเขากำลัง “ยืนยันตัวตนในอุดมคติ” ของเรา
  • หรือเมื่อคู่ของเรารู้ว่าเราพยายามควบคุมอารมณ์ เขาจึงไม่ตอกย้ำข้อผิดพลาด แต่ให้โอกาสและให้กำลังใจ — นั่นก็เป็นการช่วยให้เราเข้าใกล้กับตัวตนอุดมคติของเรา

 

ข้อสังเกตคือ Michelangelo Phenomenon ไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนคนรักให้เป็นอย่างที่เราต้องการแต่เป็นการสนับสนุนให้เขาเป็นอย่างที่เขาอยากเป็นจริง ๆ เท่านั้น

 

 

 

“ความเหมือน” ที่ทำให้รักยืนยาว: บุคลิกภาพคล้ายกัน ช่วยให้ชีวิตคู่แฮปปี้จริงหรือ?


 

 

แนวคิดต่อมาที่ถูกหยิบมาเป็นฐานในการสร้างกรอบแนวคิดงานวิจัยชิ้นนี้ คือ ความเข้ากันได้หรือความคล้ายคลึงกัน (Similarity) ซึ่งงานวิจัยทางจิตวิทยาสังคมจำนวนมากต่างก็พบหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่า “ความเหมือนกัน” อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นและยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง “บุคลิกภาพ” (Personality) โดยในงานวิจัยนี้ ได้หยิบเอาบุคลิกภาพห้าองค์ประกอบ (Big Five Personality) ด้าน “ความเข้าสังคม” (Extraversion) มาศึกษา เนื่องด้วยผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบเข้าสังคม มักมีลักษณะเปิดเผย ร่าเริง เป็นมิตร อันเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ส่งผลต่อการสื่อสาร และการแสดงออกในความสัมพันธ์โดยตรง

 

นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ยังใช้วิธีการศึกษาแบบ Actor–Partner Interdependence Model (APIM) ซึ่งใช้ศึกษาความสัมพันธ์แบบคู่ได้อย่างซับซ้อนและละเอียดมากขึ้น ในกลุ่มตัวอย่าง “คู่แต่งงานใหม่” ชาวไทย จำนวน 201 คู่ (แต่งงานไม่เกิน 5 ปี อายุเฉลี่ย 31 ปี) โดยให้ทั้งสองฝ่ายประเมินบุคลิกภาพของตนเอง และคู่ของตน รวมถึงการรับ-ให้การยืนยันตัวตนในอุดมคติ และความพึงพอใจในชีวิตสมรส

 

ผลการวิจัย พบว่า สามีที่มีบุคลิกภาพแบบเข้าสังคมสูง และมีการยืนยันตัวตนในอุดมคติกับภรรยา จะรู้สึกพึงพอใจในชีวิตสมรสในระดับสูง ซึ่งอาจสะท้อนว่า “บทบาทผู้นำ” ที่มาพร้อมความเปิดเผยและการสนับสนุน ทำให้ชีวิตคู่มั่นคง ในขณะเดียวกันภรรยาที่มีบุคลิกภาพแบบเข้าสังคมสูง และมีการรับ-ให้การยืนยันตัวตนในอุดมคติแก่คู่ของตน ก็มีความสุขในชีวิตสมรสในระดับสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจเกิดจากพลังบวกที่ส่งไป-กลับในความสัมพันธ์นั่นเอง กล่าวได้ว่า คู่รักที่มีบุคลิกภาพ “คล้ายคลึงกัน” ด้านการเข้าสังคม จะยิ่งส่งเสริมกันได้ดีขึ้น เพราะเข้าใจกัน สื่อสารได้ราบรื่น ทำให้สามารถสนับสนุนคู่ของตน ผ่านการยืนยันตัวตนในอุดมคติ และโอกาส “เติบโตไปด้วยกัน” สูงและยั่งยืนกว่านั่นเอง

 

แม้ Michelangelo phenomenon จะเป็นแนวคิดที่มาจากโลกตะวันตก เน้นการเป็นตัวของตัวเอง แต่งานวิจัยชิ้นนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า คนไทยก็มีรูปแบบการสนับสนุนคู่ชีวิตให้เติบโตได้เหมือนกัน แม้เราจะอยู่ในวัฒนธรรม “เกรงใจ-แคร์ความรู้สึก” แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้แสดงความรักผ่านการสนับสนุนแบบจริงใจ โดยเฉพาะในคู่ที่มี “ความคล้ายกัน” และ “สื่อสารกันได้ดี”

 

 

 

งานวิจัยชิ้นนี้ อาจสะท้อนให้เห็นว่า การเป็นคู่ที่มีความสุข ไม่ได้อยู่ที่แค่ “รักกัน” แต่เป็น “รักในแบบที่เข้าใจ และอยากให้เขาเติบโตไปสู่สิ่งที่เขาอยากเป็น” และหากคู่ของคุณมีนิสัยคล้ายกัน (เช่น เข้าสังคมพอกัน ไม่ใช่คนหนึ่งชอบปาร์ตี้ อีกคนชอบอยู่เงียบๆ) ก็ยิ่งเป็นปัจจัยที่เสริมให้ “การยืนยันตัวตนในอุดมคติ” เป็นไปได้ง่ายมากขึ้น

 

หากคุณรู้สึกว่า คุณและคู่ของคุณ ต่างก็สนับสนุนให้แต่ละฝ่ายได้เป็นตัวของตัวเองเพื่อไปสู่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของกันและกัน จนรู้สึกรักกันมากขึ้น คุณอาจจะเป็นนักแกะสลักตามแนวคิดปรากฏการณ์ “ไมเคิลแองเจโล” อยู่ก็เป็นได้นะคะ 😊

 

 

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่: https://so04.tci-thaijo.org/index.php/kjss/article/view/267905/180902

 

 

 

รายการอ้างอิง

Chawaleemaporn, W., & Isaranon, Y. (2023). Similarity conquers all: A dyadic study of the Big Five’s extraversion similarity and the Michelangelo phenomenon on marital satisfaction in the Thai context. Kasetsart Journal of Social Sciences, 44(3), 769–780. https://so04.tci-thaijo.org/index.php/kjss/article/view/267905

 

 

 


 

 

 

บทความโดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์

รองคณบดี อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม และแขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์

แชร์คอนเท็นต์นี้