คุณภาพชีวิตการทำงาน หมายถึง ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของมนุษย์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานภายใต้ความต้องการขั้นพื้นฐาน ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการได้รับการตอบสนองความต้องการด้านต่าง ๆ จากองค์การทั้งในรูปแบบวัตถุ เช่น เงินเดือน และไม่เป็นวัตถุ เช่น บรรยากาศที่เป็นเมตรในที่ทำงาน สวัสดิการต่าง ๆ รวมไปถึงคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจต่อองค์การ และรับรู้ว่าตนมีคุณค่าต่อองค์การ สิ่งเหล่านี้ทำให้พนักงานมีขวัญกำลังใจที่ดี มีความพึงพอใจในงานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Walton (1962) แบ่งปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างคุณภาพชีวิตและการทำงาน ประกอบด้วย 8 ประการ ดังนี้
1. การได้รับค่าตอบแทนเพียงพอและมีความยุติธรรม (Adequate and Fair Compensation)
การที่พนักงานได้รับค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทน และผลประโยชน์อื่น ๆ อย่างเพียงพอกับการมีชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่ยอมรับกับโดยทั่วไป และเป็นธรรมเมื่อเปรียบเทียบกับงานหรือองค์การอื่น ๆ ด้วย
2. สภาพการทำงานที่คำนึงถึงความปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ (Safe and Healthy Working Condition)
สิ่งแวดล้อมทางด้านกายภาพและทางด้านจิตใจ สภาพการทำงานต้องไม่มีลักษณะที่ต้องเสี่ยงภัยจนเกินไป และจะต้องช่วยให้พนักงานรู้สึกสะดวกสบายและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย
3. ความมั่นคงและความก้าวหน้าในงาน (Growth and Security)
ลักษณะงานที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ส่งเสริมความเจริญเติบโต ความมั่นคง ช่วยให้พนักงานมีโอกาสก้าวหน้าในงาน และมีความมั่นคงในอาชีพตลอดจนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานและสมาชิกในครอบครัว
4. โอกาสในการพัฒนาความสามารถของบุคคล (Competency Development)
องค์การต้องเปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ทักษะความรู้อย่างเต็มที่ในการพัฒนาความสามารถ รวมถึงการมีโอกาสทำงานที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญและมีความหมาย
5. การบูรณาการทางสังคม (social Integration)
ลักษณะงานที่มีส่วนส่งเสริมด้านบูรณาการทางสังคม เช่น งานที่ช่วยให้พนักงานมีโอกาสสร้างความสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น รวมถึงมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในความก้าวหน้าซึ่งตั้งอยู่บนฐานของระบบคุณธรรม
6. ประชาธิปไตยในองค์การ (Constitutionalism)
ลักษณะงาน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมในองค์การที่ตั้งอยู่บทฐานของกฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรม และส่งเสริมให้เกิดการเคารพสิทธิส่วนบุคคล มีความเป็นธรรมในการพิจารณาให้ผลตอบแทนและรางวัล รวมทั้งโอกาสในการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย มีเสรีภาพในการพูด มีความเสมอภาค และมีการปกครองด้วยความยุติธรรมตามกฎหมาย
7. ความสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว (Total Life Space)
การเปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ชีวิตในการทำงานและชีวิตส่วนตัวนอกองค์การอย่างสมดุล ไม่ปล่อยให้พนักงานได้รับความกดดันจากการปฏิบัติงานมากเกินไป อาจทำได้ด้วยการกำหนดชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องอยู่กับงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน หรือได้ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเพียงพอ
8. ลักษณะงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม (Social Relevance of Work Life)
การที่พนักงานมีความรู้สึกและยอมรับว่าองค์การที่ตนปฏิบัติงานอยู่นั้นรับผิดชอบต่อสังคมในด้านต่าง ๆ เช่น การกำจัดของเสีย การรักษาสภาพแวดล้อม การปฏิบัติเกี่ยวกับการจ้างงาน และเทคนิคด้านการตลาด
ส่วนงานของ Delamotte และคณะ (1984) ได้แบ่งองค์ประกอบออกเป็น 5 มิติ ดังนี้
1. สภาพการจ้างงาน (Traditional Goal)
ประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ปัจจัยด้านความปลอดภัยในอาชีพและสุขอนามัยที่ดีของพนักงาน เช่น การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ถูกสุขลักษณะ มีความปลอดภัย และลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ปัจจัยด้านระยะเวลาในการทำงาน เช่น การจัดเวลาในการทำงานให้เหมาะสม มีช่วงเวลาพักที่เพียงพอ และปัจจัยความมั่นคงและปลอดภัยในการทำงาน ได้แก่ การที่องค์การมีเสถียรภาพในการจ้างงาน มีนโยบายที่ชัดเจนเมื่อประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือเมื่อจำเป็นต้องโยกย้ายพนักงานและปรับลดขนาดองค์การ เพื่อให้พนักงานรับรู้ได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยในการทำงาน
2. การได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมในการทำงาน (Fair Treatment at Work)
การปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งเรื่องการให้รางวัลและการลงโทษ โดยไม่มีการแบ่งแยก เพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือสีผิว รวมถึงการไม่จำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และการให้การคุ้มครองสภาพการจ้างงานตามกฎหมายที่พนักงานพึงได้รับอย่างเหมาะสม มีการกำหนดกฎระเบียบขององค์กานที่ชัดเจนและเป็นธรรม เช่น การกำหนดระยะเวลาในการทำงาน การกำหนดบทลงโทษ ตลอดจนการเลิกจ้างอย่างเป็นธรรม แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือระดับบุคคล และระดับกลุ่ม
3. การมีโอกาสในการตัดสินใจ (Influence on Decisions)
องค์การควรส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจผ่านกระบวนการรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผ่านงานที่ได้รับมอบหมาย การให้พนักงานเป็นตัวแทนในการแสดงความคิดเห็นหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานั้นด้วย
4. การได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายความสามารถ (Challenge of Work Content)
สิ่งนี้สามารถก่อให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ รู้สึกมีคุณค่าต่อองค์การ ร่วมถึงเป็นการพัฒนาความรู้และทักษะในการทำงาน ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ เช่น การหมุนเวียนหน้าที่ความรับผิดชอบ การมอบหมายงานที่ต้องใช้ทักษะความสามารถที่สูงขึ้น
5. ความสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work and Life Cycle)
องค์การทำได้โดยการกำหนดเวลาการทำงานที่ชัดเจน หาวิธีลดความเครียดในการทำงานให้กับพนักงาน และช่วยวางแผนการดำเนินชีวิตหลังเกษียณให้กับพนักงาน
ข้อมูลจาก
ปวีณรัตน์ กิตติพิชญอัมพร. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความยุติธรรมในองค์การและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การ โดยมีคุณภาพชีวิตการทำงานเป็นตัวแปรส่งผ่าน [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2023.542