จะพูดคุยกับลูกเรื่องความไม่สงบอย่างไรดี?

01 Aug 2025

 

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังคุกรุ่น เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสำหรับคนเป็นพ่อแม่ ที่จะอธิบายให้ลูก ๆ เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่เขาจะไม่รู้สึกกลัว สับสน หรือหมดหวังกับโลกใบนี้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เด็ก ๆ รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากกว่าที่เราคิด ทั้งข่าวจากโทรทัศน์ การพูดคุยของผู้ใหญ่ในบ้าน หรือแม้แต่คลิปในโซเชียลมีเดียที่เลื่อนผ่านตา คำถามอย่าง “ทำไมเขาทำร้ายกัน?” หรือแม้แต่ “พรุ่งนี้เราจะปลอดภัยไหม?” อาจผุดขึ้นในใจลูก โดยที่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกมา

 

คำถามคือ…เราจะอธิบายกับลูกอย่างไรดี?

 

บางครั้ง คำตอบที่เราให้ อาจไม่ต้องซับซ้อน หรือลงรายละเอียดมากนัก เพียงแค่เรานั่งลงข้าง ๆ รับฟังความคิดความรู้สึกของลูกโดยไม่ตัดสิน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย และยืนยันว่า “หนูจะปลอดภัย และพ่อแม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ” ก็อาจเพียงพอแล้ว

 

 

ใจความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือเราต้องไม่สร้างความกลัว หรือความตื่นตระหนกในใจลูก แต่ควรปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ ความหวัง และความเคารพในความเป็นมนุษย์ของทุกคน เพื่อทำให้เขาเห็นว่า แม้โลกใบนี้จะมีความขัดแย้ง แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่พยายามช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน

 

 

แนวทางการพูดคุยกับลูก : ข้อมูลจาก UNICEF และสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา

 

 

DOs

 

  1. ตั้งคำถามก่อน แล้วให้เด็กเล่า อาจเริ่มถามว่าเด็กเข้าใจหรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับข่าวหรือสถานการณ์ แล้วฟังโดยไม่ตัดความรู้สึกของเด็ก
  2. ใช้ภาษาที่เหมาะสมกับวัย เลือกคำพูดเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้น้ำเสียงที่สงบไม่ตื่นเต้น หรือปลุกเร้าอารมณ์ทางลบ
  3. สนับสนุนให้เด็กแสดงความเห็นอกเห็นใจ สอนเด็กให้เห็นถึงคนที่ช่วยเหลือผู้อื่น และให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การบริจาค
  4. สร้างความรู้สึกปลอดภัยแก่เด็ก โดยยืนยันว่าเด็กอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ มีความมั่นคง และมีความปลอดภัยเสมอ
  5. เปิดโอกาสให้เด็กถามและพูดความรู้สึก ให้พื้นที่เด็กสามารถถามคำถาม และพูดถึงความกลัวหรือความสับสนโดยไม่มีการตัดสิน เช่น ถ้าเด็กบอกว่าเขากลัว หรือเศร้า อย่าตอบว่า “อย่าคิดมาก” แต่ควรพูดว่า “เป็นเรื่องปกติมากเลยที่จะรู้สึกแบบนั้น”
  6. สังเกตและดูแลสุขภาพจิต ให้ความสำคัญกับอาการเครียด หากเด็กมีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ กลัวเสียงดัง หรือถอนตัวจากกิจกรรม ควรพาไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว

 

 

DON’Ts

 

  1. อย่าพูดมากจนเด็กฟังไม่ทัน หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลจำนวนมาก ๆ ในคราวเดียว และควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่ก่อให้เกิดภาพน่ากลัวในใจเด็ก เช่น “เขาทำร้ายกันอย่างโหดเหี้ยม”
  2. อย่าหลอกหรือให้ข้อมูลเกินจริง เช่น อย่าโกหกว่า “ไม่มีอะไร” หรือหลีกเลี่ยงคำถาม แต่ควรตอบด้วยความจริงตามวัยของเด็ก
  3. อย่าบังคับให้เด็กพูดหรือวาดภาพประสบการณ์ที่เจ็บปวด และไม่ควรบังคับกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกเครียดขึ้น แต่ต้องให้เขามีสิทธิ์เลือกแสดงออกตามความพร้อม
  4. อย่าเลี่ยงคำถามของเด็กหรือพูดไม่ตรงประเด็น อย่าปัดคำถาม หรือตอบไม่ตรงประเด็น เพราะอาจทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกละเลย
  5. อย่ากังวลจนแสดงออกมาให้เด็กเห็น เพราะเด็กอาจได้รับอารมณ์นั้นจากผู้ใหญ่ ควรแสดงความมั่นใจให้เขารู้ว่าเราควบคุมสถานการณ์ได้
  6. อย่าคุยเพียงครั้งเดียวแล้วจบ ควรสร้างช่องให้เด็กเล่าเพิ่มเติมและติดตามอาการทางอารมณ์ต่อเนื่อง เด็กอาจมีคำถามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นควรสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างในการพูดคุย

 

 

 

 

 

บทความโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์
รองคณบดี อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม และแขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์
แชร์คอนเท็นต์นี้