หนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าเกี่ยวกับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต – Advance Directive คือ ข้อความหรือลายลักษณ์อักษรที่บุคคลได้แสดงถึงรูปแบบหรือแนวทางการรักษาทางการแพทย์ที่ตนต้องการไว้ล่วงหน้า หรืออาจแสดงถึงความไม่ประสงค์จะรับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายของชีวิตที่ไม่เกิดประโยชน์กับตนเองและเกินความจำเป็น หรือเป็นไปเพียงการยื้อชีวิต
การทำหนังสือแสดงเจตนาฯ มีขึ้นเพื่อที่ว่า เมื่อบุคคลนั้นไม่สามารถตัดสินใจหรือประกาศความจำนงเรื่องแนวทางการรักษาด้วยตนเองอีกต่อไป หนังสือแสดงเจตนาฯ จะเป็นตัวแทนของบุคคลนั้น อาทิ ในกรณีที่บุคคลประสบโรคภัยหรืออุบัติเหตุรุนแรง ผู้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นจะได้ดำเนินการรักษาตามความต้องการที่บุคคลนั้นได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณะอักษร
หนังสือแสดงเจตนาฯ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. พินัยกรรมชีวิต (Living will)
คือ หนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าที่แสดงถึงการดูแลรักษาทางการแพทย์ที่ตนเองต้องการในกรณีที่ตนกำลังอยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือไร้สติสัมปชัญญะอย่างถาวร ตลอดจนไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด บุคคลสามารถแสดงความต้องการได้ว่ากระบวนการรักษาใดที่ตนเองต้องการหรือไม่ต้องการ ตลอดจนระบุได้ว่ากรณีใดที่ให้ผู้อื่นทำตามที่บุคคลนั้นต้องการ ทั้งนี้ การที่บุคคลปฏิเสธการรักษาทางการแพทย์ทุกอย่าง บุคคลนั้นยังจะรับยาปฏิชีวนะ อาหาร ยาลดความเจ็บปวด และการรักษาอื่นๆ กล่าวคือ บุคคลจะได้รับการประคับประคองเพื่อบรรเทาความทรมานมากกว่าการบำบัดรักษา
นอกจากนี้ เจ้าของชีวิตสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลง ระงับการใช้ชั่วคราว หรือยกเลิกการใช้พินัยกรรมชีวิตได้ตลอดเวลาตามต้องการ
2. หนังสือมอบอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลรักษา (Health Care Power of Attorney; Health Care Proxy)
คือ หนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าที่เจ้าของชีวิตมอบอำนาจให้บุคคลอื่นได้ตัดสินใจในกระบวนการรักษาแทนตนเอง เมื่อตนเองไม่สามารถตัดสินใจได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ ผู้แทนควรเป็นผู้ที่คุ้นเคยหรือรู้ในค่านิยมและความต้องการของบุคคลที่มอบอำนาจให้ตน

ภาพประกอบจาก https://hendrickscareertek.org
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการทำหนังสือแสดงเจตนาฯ
- ความรู้เกี่ยวกับหนังสือแสดงเจตนา – ผู้ที่มีความรู้หรือเคยได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือแสดงเจตนาฯ มีแนวโน้มจะทำหนังสือแสดงเจตนาฯ มากกว่า
- ทัศนคติเกี่ยวกับความตาย – ผู้ที่ไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงหรือคิดถึงความตาย ผู้ที่มองว่าความตายเป็นทางออกของปัญหาหรือความเจ็บปวดใดๆ (ประสงค์ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวาระสุดท้าย /การตายดี) มีแนวโน้มจะทำหนังสือแสดงเจตนาฯ มากกว่า
- ประสบการณ์สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก – ผู้ที่เคยสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะที่เป็นการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังที่ได้เห็นความรมานของการดำเนินโรค มีแนวโน้มตัดสินใจวางแผนการดูแลวาระสุดท้ายของชีวิตของตนเองมากกว่า
- การรับรู้เวลาชีวิตที่เหลืออยู่ – ผู้ที่มีการรับรู้ว่าเวลาชีวิตที่เหลืออยู่นั้นมีจำกัดจะมีแนวโน้มในการวางแผนการดูแลรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต คือ พิจารณาเกี่ยวกับความตายมากขึ้น ไม่ต้องการเป็นภาระหรือความเจ็บปวดให้กับคนที่ตนรักในอนาคต
- ประสบการณ์ความเจ็บป่วยหนักของตนเองและบุคคลใกล้ชิด – หากบุคคลได้รับผลกระทบทางจิตใจมากจากการได้ประสบหรือพบเห็นความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วยและสัมผัสถึงความยากลำบากในกระบวนการรักษา บุคคลจะมีแนวโน้มทำหนังสือแสดงเจตนาฯ เพื่อเลือกแนวทางการดูแลรักษาตามที่ตนต้องการ
- ปัจจัยอื่นๆ อาทิ ความเชื่อมั่นในความสามารถของทีมแพทย์ ความเชื่อมั่นว่าคนใกล้ชิดและบุคลากรทางการแพทย์จะทำตามความต้องการของตน ความเชื่อในปาฏิหาริย์ ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ความยึดมั่นในศาสนา การมีบุคคลที่ไว้วางใจหรือรู้ในค่านิยมของตน รายได้ครอบครัว สถานะและความผูกพันในครอบครัว เป็นต้น
ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับหนังสือแสดงเจตนา
ผิด – “ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่เคยทำหนังสือแสดงเจตนาฯ ว่าไม่ต้องการรับบริการทางการแพทย์ จะยังได้รับการรักษาเพื่อยื้อชีวิตไว้ให้นานที่สุด”
ถูก – “การแสดงเจตนาไม่ต้องการหรือการปฏิเสธการรักษานั้น ผู้ป่วยจะไม่ได้รับการยื้อชีวิต หากได้รับการดูแลแบบประคับประคองเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานจนจากไปอย่างสงบ”
ผิด – “แพทย์มีสิทธิตัดสินใจในการถอดท่อช่วยหายใจหรืออุปกรณ์ยื้อชีวิตเมื่อผู้ป่วยหมดหนทางรักษา”
ถูก – “แพทย์ต้องยึดตามเจตนาของผู้ป่วยก่อน หากผู้ป่วยไม่ได้แสดงเจตนาไว้ ก็ต้องปรึกษาญาติและบุคคลใกล้ชิดที่รู้ในค่านิยมของผู้ป่วย”
ผิด – “หนังสือแสดงเจตนาฯ คือการทำการุณยฆาต”
ถูก – “การุณยฆาตยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในไทย”
ผิด – “หนังสือแสดงเจตนาฯ ไม่มีผลบังคับใช้ในเมืองไทย”
ถูก – “หนังสือแสดงเจตนาฯ มีผลบังคับใช้ในเมืองไทยแล้ว”
ข้อมูลจาก
วนัชพร พิพัฒน์ธนวงศ์. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจทำหนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าเกี่ยวกับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2017.813