อคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศ – Transgender Prejudice

17 Nov 2025

คำศัพท์จิตวิทยา

 

กลุ่มคนข้ามเพศ (transgender) คือกลุ่มบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ (gender identity) ไม่สอดคล้องกับเพศสรีระ (sex) หรือเพศที่ถูกกำหนดแต่กำเนิด (เพศตามสูติบัตร) โดยไม่ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย แต่ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นนิยามตนเองอย่างไร เช่น บุคคลที่มีเพสสรีระเป็นชาย แต่นิยามตนเองว่ามีอัตลักษณ์ทางเพศเป็นหญิง จะจัดเป็นหญิงข้ามเพศ (transwomen)

 

แม้ในปัจจุบันลักษณะทางสังคมจะเปิดกว้างและยอมรับในอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากการที่กลุ่มคนข้ามเพศมีบทบาทในส่วนต่าง ๆ ของสังคม ทั้งในด้านธุรกิจ สื่อโทรทัศน์ หรือการเมืองการปกครอง แต่อคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศยังคงปรากฏให้เห็นในรูปแบบของการเลือกปฏิบัติและการปฏิเสธการสนับสนุนในสิทธิบางประการที่กลุ่มคนข้ามเพศควรจะได้รับ ในขณะที่ความเกลียดกลัวที่มีต่อคนข้ามเพศ (transphobia) นั้นถูกแสดงออกลดลง

 

 

อคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศ หมายถึง การให้ค่าเชิงลบ การเหมารวม และการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่แสดงออกถึงอัตลัษณ์ทางเพศที่ไม่เป็นไปตามกรอบกำหนดของสังคมแวดล้อมในปัจจุบันของบุคคลนั้น นักวิจัยส่วนมากมักใช้แทนความเกลียดกลัวต่อคนข้ามเพศ – transphobia ซึ่งมีลักษณะเป็นเจตคติเชิงลบที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศเช่นเดียวกัน ทว่าการศึกษาส่วนมากในปัจจุบันมีแนวโน้มในการแยกสองคำนี้ออกจากกัน เนื่องจากระดับของความรุนแรงของการปฏิบัติต่อคนข้ามเพศที่แตกต่างกัน โดยความเกลียดกลัวต่อคนข้ามเพศนั้นมีลักษณะเป็นการกีดกัน กลั่นแกล้ง และความไม่สบายใจในการอยู่ในสังคมร่วมกับกลุ่มคนข้ามเพศ ขณะที่การศึกษาบางส่วนชี้ให้เห็นว่า “อคติ” ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลมีต่อตัวตนของกลุ่มคนข้ามเพศ แต่มีลักษณะเป็นความไม่สะดวกใจต่อการรับรู้อัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลอื่นที่ไม่เป็นไปตามการแบ่งสองขั้วที่ปลูกฝังกันมาภายในสังคม (dichotomous notions of sex)

 

โดยทั่วไปแล้วอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศนั้นมีลักษณะเป็นความคิดเชิงลบต่อบุคคลซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้นอย่างปัจจุบัน จึงทำให้ผู้คนส่วนมากมีการปรับแนวคิดและพฤติกรรมเหล่านั้นให้มีการแสดงออกน้อยลงหรือลดความรุนแรงของอคติเหล่านั้น แต่ถึงแม้พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอคติเปล่านั้นจะลดลง ผู้คนจำนวนมากก็ยังคนปรากฎแนวคิดทางลบเหล่านั้นในรูปแบบของความอ่อนไหวและอคติเชิงลึกต่อกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ เช่น การเมินเฉยต่อการเรียกร้องสิทธิของกลุ่มคนข้ามเพศ หรือการปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงการระบุเพศของกลุ่มคนข้ามเพศให้ตรงกับเพศภาวะ (gender) ไม่ให้เพศสรีระ

 

 

 

 

 

มิติของอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศ

การศึกษาของ Davidson ปี 2014 ได้จำแนกมิติของอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศออกเป็น 2 มิติ คือ การให้ความสำคัญในเรื่องเพศสรีระ (sex essentiality) และความไม่สะดวกใจ (discomfort) อันเป็นพฤติกรรมการแสดงออกสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอคติดังกล่าว และเกิดเป็นการพัฒนาแบบวัด Transgender Prejudice Scale ขึ้น โดยมีลักษณะสอดคล้องกับสังคมปัจจุบันที่มีการลดความรุนแรงของการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่อต้านคนข้ามเพศ และเจคติเหล่านั้นปรากฏขึ้นในรูปแบบที่เป็นเพียงความคิดเห็นและการไม่สนับสนุนมากกว่าในอดีต

 

  1. การให้ความสำคัญในเรื่องเพศสรีระ (sex essentiality) – ความเชื่อว่าโครโมโซมเพศคือสิ่งที่เป็นตัวกำหนดเพศของบุคคล ทุกคนถูกกำหนดเพศตั้งแต่เกิดจากปัจจัยทางชีววิทยาและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกระทั่งหมดอายุขัย
  2. ความไม่สะดวกใจ (discomfort) – ความรู้สึกเชิงลบที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลต้องอยู่ร่วมหรือกระทำบางสิ่งกับกลุ่มคนข้ามเพศ

 

 

ผลของอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศ

 

นับแต่อดีตมา เจตคติทางลบที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศหรือกลุ่มคนที่แสดงอัตลักษณ์ทางเพสแตกต่างจากกรอบกำหนดของเพสสรีระ ถูกรายงานว่าส่งผลเสียต่อกลุ่มคนที่ได้รับเจตคติดังกล่าวไม่ว่าจะในรูปแบบของการกีดกัน การเลือกปฏิบัติ การดูหมิ่น หรือแม้แต่การถูกทำร้ายด้วยความรุนแรง คนข้ามเพศบางส่วนต้องเผชิญกับการแบ่งแยก อคติ และการปฏิเสธการสนับสนุนทางสังคมที่ควรได้รับ จนเกิดเป็นความวิตกกังวล ความเครียด และความหวาดกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง อคติดังกล่าวไม่เพียงสร้างการกีดกันกลุ่มคนข้ามเพศ หากยังเป็นการตีตรา (stigma) และเหมารวมกลุ่มคนที่แสดงอัตลักษณ์ทางเพศผิดจากเพศสรีระ ส่งผลให้เกิดการลดคุณค่าในตนเอง การดูหมิ่นตนเอง และการเมินเฉยต่อการดูแลตนเอง ทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต

 

กลุ่มประชากรผู้มีอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายเหล่านี้มักตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมความรุนแรงจากคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักเป็นส่วนใหญ่ อันมีผลมาจากการกล่อมเกลาทางสังคมที่ปลูกผังกันมานับแต่อดีตเกี่ยวกับความรู้สึกเกลียดกลัวคนข้ามเพศและบุคคลที่แสดงออกทางเพศไม่ตรงกับขนบธรรมเนียมเดิมของสังคม และกลับกลายเป็นอคติเชิงลบที่มีต่อเพศสภาพและเพศวิถีของผู้คนในสังคม

 

การสำรวจในประเทศไทยโดยศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว ปี 2022 แสดงให้เห็นว่าเยาวชนในกลุ่มที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหลากหลาย ได้รายงานถึงปัญหาสุขภาพจิตที่มากกว่ากลุ่มเยาวชนที่อัตลักษณ์ทางเพศเป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม จากการได้รับประสบการณ์การคุกคามทางร่างกายและจิตใจที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการด่าทอ ระราน การถูกทำร้ายหรือลงโทษ รวมไปถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มเยาวชนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศตามบรรทัดฐานของสังคมถึงหนึ่งเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มหญิงข้ามเพศที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงอัตลักษณ์ทางเพศที่ไม่ตรงกับความคาดหวังของสังคม ก็มีแนวโน้มถูกคุกคามทางเพศอย่างเปิดเผยด้วยพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การจ้องมองลวนลาม และการคุกคามด้วยคำพูด

 

อคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศนี้นอกจากส่งผลเสียกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยตรงแล้ว ยังส่งผลเสียต่อคุณภาพความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และความเสี่ยงในการจบชีวิตตนเองอันเนื่องมาจากภาวะซึมเศร้า ความทุกข์ทางจิตใจ และการตกเป็นเหยื่อทางเพศที่ผ่านทั้งคำพูดและการกระทำ กลุ่มคนข้ามเพศยังมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการทางสุขภาพจากความหวาดกลัวในการถูกตีตรา และเป็นผลให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาในอาการเจ็บป่วยทางกายและทางสุขภาพจิตอย่างที่ควรจะเป็นอีกด้วย

 

อคติต่อกลุ่มคนข้ามเพศยังส่งผลให้สังคมคอยตั้งคำถามและกล่าวโทษต่อเหตุการณ์ร้ายที่คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวโทษไปที่พฤติกรรม การแต่งกาย ตลอดจนสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนและหลังเหตุการณ์ร้าย ล้วนเป็นการกล่าวโทษและกรีดซ้ำบาดแผลของกลุ่มคนข้ามเพศที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในทุกรูปแบบ

 

 


 

 

 

ข้อมูลจาก

บุณยาพร อนะมาน. (2567). การกล่าวโทษเหยื่อ: อิทธิพลของความเชื่อเรื่องโลกมีความยุติธรรม โดยมีอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศและการยอมรับมายาคติของการข่มขืนที่ถูกนำเสนอโดยสื่อเป็นตัวแปรส่งผ่าน [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2024.593

 

แชร์คอนเท็นต์นี้