แถลงการณ์คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนวทางด้านจิตวิทยาเพื่อการสื่อสาร การดูแล และการฟื้นฟูจิตใจจากสถานการณ์อุทกภัย
ในช่วงที่มีการเร่งฟื้นฟูบ้านเรือนและระบบกายภาพที่ได้รับความเสียหาย สิ่งที่ควรดำเนินควบคู่กันไปคือการดูแล ฟื้นฟู และประคับประคองสภาพจิตใจของผู้ประสบภัยอย่างรอบด้าน เพื่อให้ทั้งกายภาพและจิตใจกลับคืนสู่สภาวะมั่นคงอีกครั้ง
คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ โดยขอเสนอแนวทางด้านจิตวิทยาเพื่อการสื่อสาร การฟื้นฟู และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร แบ่งเป็น 3 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 : การสื่อสารของสื่อมวลชนในภาวะภัยพิบัติ ตามหลัก 7 ส
- สั้น – สื่อสารกระชับ เข้าใจได้ทันที
- สด – รายงานทันสถานการณ์ เท่าที่ตรวจสอบได้จริง
- สอดคล้อง – ใช้ข้อมูลจากแหล่งกลางเดียวกัน ลดความสับสน
- สงบ – ใช้โทนเสียงมั่นคง ไม่กระตุ้นอารมณ์
- สมเหตุสมผล – ให้ข้อมูลที่ตรวจสอบแล้ว พร้อมแหล่งอ้างอิง
- สัมผัสใจ – สื่อสารด้วยความเมตตา ไม่ซ้ำเติมผู้ประสบภัย
- สร้างทางออก – ชี้แนวทางปฏิบัติและการเข้าถึงความช่วยเหลือ
แนวทางที่ 2 : การฟื้นพลังใจ ในชุมชนพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ชุมชนฟื้นฟูได้ในระยะยาว
- หน่วยงานควรเปิดโอกาสให้ผู้ประสบภัยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะผู้ประสบภัยไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงเสมอไป และสามารถมีส่วนทำให้สถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้นได้ (self-efficacy) ในทางกลับกัน การทำได้เพียงรอความช่วยเหลือเท่านั้นจะทำให้ผู้ประสบภัยเครียด และรู้สึกไม่มั่นคง (loss sense of control)
- ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เข้าถึงบุคคลกลุ่มเปราะบางและผู้มีความเสี่ยงในเชิงรุก ผ่านเครือข่ายคนในพื้นที่ที่มีอยู่เดิม (social capital) เช่น กรรมการหมู่บ้าน อสม
- หล่อเลี้ยงความสุขของคนในพื้นที่ (optimism) เช่นจัดกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจ กิจกรรมนันทนาการตามความเหมาะสม ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากงานในแต่ละวัน โดยคำนึงถึงจิตใจของผู้ที่สูญเสียด้วยเช่นกัน
- เร่งฟื้นฟูศูนย์กลางชุมชนให้กลับมา เช่น วัด/มัสยิด ตลาด ให้กลับมาเป็นปกติโดยไว สร้างความหวัง (hope) ของการฟื้นฟู ในขณะเดียวกัน ชุมชนต้องช่วยควบคุมราคาสินค้า หรือรัฐช่วยสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่จับจ่ายใช้สอย หรือเดินทางไปมาได้โดยไม่ลำบาก
- หน่วยงานภายนอกทำหน้าที่เสริมทักษะ ความรู้ และให้ทรัพยากรที่จำเป็น แก่พื้นที่และชุมชน สร้างการฟื้นฟูที่เกิดขึ้นด้วยพลังของชุมชนเป็นหลัก เพื่อฟื้นพลังใจของคนในพื้นที่ให้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคตต่อไป (resilience)
แนวทางที่ 3 : การเตรียมความพร้อมด้าน PFA และ TIC เพื่อการช่วยเหลือทางจิตใจ
- การอบรม PFA (Psychological First Aid) ระดับพื้นฐาน สำหรับนิสิตจุฬาฯ อาสาสมัคร และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างองค์ความรู้ถึงหลักการดูแลความปลอดภัย ความสงบ และความเชื่อมโยง เทคนิคการฟังอย่างเห็นอกเห็นใจ และแนวทางการส่งต่อกรณีที่มีความเสี่ยงสูง
- การอบรม TIC (Trauma-Informed Care) ระดับพื้นฐาน สำหรับเจ้าหน้าที่ภาคสนาม และบุคคลที่ทำงานกับผู้ประสบภัย เพื่อสร้างความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ trauma รวมทั้งเข้าใจวิธีการสื่อสารโดยหลีกเลี่ยงการกระตุ้นซ้ำ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเคารพศักดิ์ศรี ผู้ได้รับผลกระทบ
- การอบรมเฉพาะทางสำหรับนักวิชาชีพ เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภัย ในบริบทของสภาพจิตใจหลังภัยพิบัติ และแนวทางติดตามผลระยะยาว
- การจัดตั้งทีม “Psychosocial Support Team” ประกอบด้วยอาจารย์ นิสิตอาสา และนักวิชาชีพ ทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ตามมาตรฐานสากล เพื่อประเมินความต้องการทางจิตใจของประชาชน ฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ และติดตามผลในระยะยาว
คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่และทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัย ทั้งในมิติของข้อมูล การฟื้นฟูจิตใจ และการอบรมบุคลากร โดยยึดหลักมนุษยธรรม ความถูกต้อง และองค์ความรู้ทางจิตวิทยา เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมามีความมั่นคงทางกายและใจได้โดยเร็วที่สุด
คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
1 ธันวาคม 2568
![]() |
![]() |
![]() |



