News & Events

คณะจิตวิทยาเข้าร่วมพิธีสมโภชและถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2568 ณ วัดมหาพฤฒารามวรวิหาร

 

วันที่ 28 ตุลาคม 2568 คณะจิตวิทยา โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และคุณเวณิกา บวรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ เข้าร่วมพิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทาน พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2568 ณ วัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

 

 

 

 

จุฬาฯ เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการอัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

วันที่ 26 ตุลาคม 2568 ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิตเก่า นิสิต และนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปในการอัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง

 

 

 

ในการนี้นิสิต บุคลากร และคณาจารย์คณะจิตวิทยา ได้เข้าร่วมการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ ครั้งนี้ด้วย และทั้งนี้ คณะจิตวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเครื่องราชสักการะ และเครื่องทองน้อย ณ บริเวณถนนพญาไท

 

 

 

 

 

คณะจิตวิทยา ต้อนรับ Professor François-David Camps จาก Lumière University Lyon 2 และ Professor Barbara Smaniotto จาก Sorbonne Paris North University

 

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา รศ. ดร.สมบุญ จารุเกษมทวี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ ร่วมด้วยคุณกรินทร์ วิลาวรณ์ หัวหน้างานบริการการศึกษาและวิรัชกิจ ได้ต้อนรับ Professor François-David Camps จาก Lumière University Lyon 2 และ Professor Barbara Smaniotto จาก Sorbonne Paris North University โดยทั้งสองท่านเป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญในสาขา Psychopathology และการประเมินทางจิตวิทยาคลินิกด้วยวิธีการ Projective Tests เช่น Rorschach และ Thematic Apperception Test (TAT) การพูดคุยในครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นแนวทางการหารือเพื่อความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยในอนาคต

 

 

พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2568

 

วันที่ 23 ตุลาคม 2568 “วันปิยมหาราช” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ หน้าหอประชุมจุฬาฯ และหน้าพระลานพระราชวังดุสิต โดยมี ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรจุฬาฯ คณะกรรมการสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ และนิสิตจุฬาฯ ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

 

ในการนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และคุณเวนิกา บวรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคมด้วย

 

 

ขอแสดงความยินดีกับ ณฐภัทร โกแมน  นิสิตคณะจิตวิทยา ที่ได้รับรางวัลในการแข่งขันเรือพายชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2568

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีและภาคภูมิใจกับ ณฐภัทร โกแมน นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเข้าร่วมการแข่งขันเรือพายชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2568 สนามที่ 3 จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 13-19 ตุลาคม 2568 ณ บริเวณสันเขื่อน อ.โมนสัง จ.หนองบัวลำภู ได้รางวัลชนะเลิศประเภท Sprint 200 เมตร และ Technical 3,000 เมตร และได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

 

 

 

 

ขอแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 87 ปี แห่งการสถาปนาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

 

วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีและมอบของที่ระลึก เนื่องในโอกาสครบรอบ 87 ปี แห่งการสถาปนาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เป็นผู้รับมอบ ณ ชั้น 3 อาคารไชยยศสมบัติ 1 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ

 

 

 

 

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “Schema-Focused Psychotherapy for Challenging Clients”

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ

Schema-Focused Psychotherapy for Challenging Clients: Integrating CBT, Psychodynamic, and Gestalt Approaches

 

สำหรับนักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาการปรึกษา นักจิตบำบัดและผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพจิตที่มีความรู้เกี่ยวกับจิตบำบัด

 

 

วันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 9.00-17.30 น. (รวมจำนวน 15 ชั่วโมง)
ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

วิทยากร
  • รศ. ดร.สมบุญ จารุเกษมทวี (Ph.D. in Clinical Psychology, The University of Queensland ประเทศออสเตรเลีย)

 

อัตราค่าลงทะเบียน

6,000 บาท | รับจำนวน 25 ที่นั่ง
รวมอาหารว่าง อาหารกลางวัน เอกสารประกอบการอบรม และประกาศนียบัตรการเข้าร่วมการฝึกอบรม

 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เบอร์โทรศัพท์โครงการ : 092-268-2385

อีเมล : psychulaworkshop@gmail.com

 

 


 

ปิดรับสมัครแล้ว เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเต็มจำนวน

 


 

 

 

 

Inner Speech: สิ่งที่เราพูดกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว

 

คุณเคยลองสังเกตเสียงในใจของตนเองไหม เช่น ครั้งล่าสุดที่คุณให้กำลังใจตัวเอง เตือนตัวเองเรื่องสำคัญ หรือคิดทบทวนเหตุการณ์และบทสนทนาที่ผ่านมา (“ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย ฉันน่าจะตอบเขาแบบนี้แทนนะ”) หรือเคยสังเกตไหมว่าคุณพูดกับตัวเองในใจเป็นคำหรือประโยคหรือไม่ คุณอาจประหลาดใจที่รู้ว่าคุณ “พูดกับตัวเอง” บ่อยกว่าที่คิดโดยไม่ทันสังเกต

 

การพูดกับตัวเองในใจ (inner speech) เป็นสิ่งปกติของการคิดและมีบทบาทสนับสนุนการคิดในชีวิตประจำวัน เช่น เตือนความจำ วางแผนขั้นตอนการทำงาน หรือ เตรียมว่าจะพูดอะไรกับเพื่อนหลังจากทะเลาะกัน แน่นอนว่าการพูดกับตัวเองในใจไม่ได้เกิดขึ้นใน ‘หัวใจ’ แต่เกิดขึ้นใน ‘สมอง’ ของเราซึ่งเป็นศูนย์กลางของความคิด การคิด (thinking) ไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงในใจเสมอไป แต่เราสามารถคิดเป็นภาพในใจ หรือคิดเชิงนามธรรมได้ ดังนั้น เสียงในใจเป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับการคิด แต่ไม่ได้เป็นรูปแบบเดียวของการคิด (Alderson-Day & Fernyhough, 2015)

 

เสียงในใจของเราถูกพัฒนามาตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีงานวิจัยที่สังเกตพฤติกรรมของเด็กและพบว่า เด็กมักจะพูดกับตัวเองแบบออกเสียง (private speech) ในขณะที่เรียนรู้ วางแผน หรือควบคุมพฤติกรรมตนเองในสถานการณ์ที่ท้าทาย และเมื่อเติบโต การพูดกับตัวเองในลักษณะนี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงในใจแบบเงียบเมื่อเด็กมีอายุมากขึ้น (Vygotsky, 1987) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการคุยกับตัวเองในใจเป็นกระบวนการทางสมองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในการช่วยนำทางการคิด การวางแผน และการแก้ปัญหาอยู่เสมอ ไม่ได้เป็นสิ่งที่แปลก

 

เสียงในใจเปรียบเสมือนดนตรีประกอบเบื้องหลัง บางคนได้ยินชัดเจน บางคนแทบไม่สังเกตเลย แต่เสียงนั้นก็ยังมีอิทธิพลต่อการคิดของคุณอยู่ดี งานวิจัยที่ใช้วิธีสำรวจประสบการณ์ของผู้คนผ่านการรายงานตนเองพบว่าคนส่วนใหญ่สามารถสังเกตรับรู้เสียงในใจในประมาณหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของช่วงเวลาประจำวัน (Hurlburt & Heavey, 2001) อีกทั้ง เสียงในใจมีหลากหลายรูปแบบและความชัดเจนที่แตกต่างกัน บางครั้งอาจเป็นเสียงสั้น ๆ ที่เตือนความจำ ในขณะที่บางครั้งอาจเป็นบทสนทนาในรูปแบบประโยค บางคนอาจจินตนาการเป็นเสียงของคนอื่นด้วย

 

ตัวอย่างของเครื่องมือสำรวจเสียงในใจคือแบบสอบถาม Vividness of Inner Speech Questionnaire (VISQ) ซึ่งมีคำถามเช่น “ฉันพูดกับตัวเองในใจเวลาต้องบอกหรือเตือนให้ตัวเองทำสิ่งต่าง ๆ” , “ฉันประเมินพฤติกรรมตนเองโดยใช้เสียงในใจ เช่น ‘ทำได้ดีนะเนี่ย’”, “ฉันได้ยินเสียงของคนอื่นในหัวของฉัน เช่น เมื่อฉันทำเรื่องผิดพลาด ฉันจะได้ยินเสียงของแม่หรือครูตำหนิฉันอยู่ในใจ” (McCarthy-Jones & Fernyhough, 2011) โดยให้ผู้ตอบประเมินจากระดับ ‘1 = ไม่ตรงกับตัวฉันเลย’ ไปจนถึง ‘6 = ตรงกับตัวฉันแน่นอน’ โดยพบว่าผู้คนมีความแตกต่างกันมากในการตอบคำถามเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าเสียงในใจของแต่ละคนมีความเฉพาะตัวอย่างยิ่ง

 

สมองมักควบคุมเสียงในใจได้ตามปกติ โดยปกติเราจะรับรู้ว่าเสียงในใจเป็นของตัวเอง แต่ในบางโรคทางจิตเวชที่ทำให้ผู้ป่วยมีการรับรู้และความคิดที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง (psychotic disorders) เช่น โรคจิตเภท สมองของผู้ป่วยอาจตีความเสียงในใจว่าเป็นเสียงจากโลกภายนอก ทำให้เกิดอาการหลอนได้ยินเสียงคนอื่น (auditory verbal hallucinations; AVH) ซึ่งคือการได้ยินเสียงคนพูดทั้งที่ไม่มีสิ่งใดมากระตุ้นจากภายนอกจริง ๆ งานวิจัยจำนวนมากชี้ว่าอาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการทำงานของสมองที่รับรู้และเฝ้าระวังตนเอง (self-monitoring network; Allen, Aleman, & McGuire, 2007) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกลไกที่ช่วยให้เรารับรู้ว่าเสียงในใจเป็นเสียงของเราเอง

 

เสียงในใจไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะผู้ที่มีภาวะป่วยทางจิตใจเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสุขภาวะทางจิต (psychological well-being) ของคนทั่วไปด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับเนื้อหาและคุณภาพของเสียงที่เราพูดกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง หรือเห็นใจตัวเอง เสียงเหล่านี้ล้วนส่งผลต่ออารมณ์ ความยืดหยุ่นทางจิตใจ และประสิทธิภาพในการคิดและตัดสินใจ เสียงในใจเชิงลบหรือตำหนิตัวเองบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้าโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

การสังเกตและปรับเสียงในใจช่วยให้สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ไม่ติดอยู่กับความคิดลบเพียงด้านเดียว แต่การสังเกตเสียงในใจของตนเองอาจทำได้ยาก ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอเสนอวิธีเพื่อช่วยให้คุณประเมินคำและวลีที่คุณพูดกับตัวเองในใจ ว่าเสียงในใจของคุณมีแนวโน้มไปทางวิจารณ์หรือสนับสนุนตัวเองมากกว่ากัน เพื่อช่วยให้เข้าใจว่าเสียงในใจอาจส่งผลต่ออารมณ์และการตัดสินใจในชีวิตประจำวันของคุณอย่างไร

 

 

วิธีสังเกตเสียงในใจและเสริมสร้างเสียงในใจที่สนับสนุนและเห็นใจตัวเอง

 

 

1. จดบันทึกเพื่อสะท้อนความคิดของตนเอง

 

ลองเขียนประโยคหรือความคิดที่วนอยู่ในหัว เพราะการจดบันทึกเป็นหนึ่งวิธีที่จะเผยรูปแบบของเสียงในใจให้เป็นรูปธรรม เช่น การวิจารณ์ตัวเองซ้ำ ๆ หรือการให้กำลังใจตัวเอง และช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนเสียงในใจไปในทางเห็นใจและสนับสนุนตัวเองมากขึ้น

 

2. พูดคุยกับคนที่เราไว้วางใจได้

 

ลองแบ่งปันความคิดกับเพื่อนหรือนักจิตวิทยาบำบัด การพูดออกมาจากเสียงในใจสามารถช่วยให้เห็นและเข้าใจความคิดและความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้น และบางครั้งเราอาจได้รับมุมมอง คำแนะนำ หรือการสนับสนุนการอารมณ์ สิ่งสำคัญคือการสะท้อนและพิจารณาเสียงในใจตัวเองหลังจากพูดคุย เพื่อค่อย ๆ ปรับเสียงวิจารณ์หรือเสียงลบให้เป็นเสียงที่สนับสนุนและเห็นใจตัวเอง เช่น เปลี่ยนจากเสียงในใจที่พูดว่า “ฉันทำพลาดอีกแล้ว ฉันที่มันโง่จริง ๆ ทำพลาดซ้ำ ๆ แบบนี้ตลอดเลย” เป็นเสียงเชิงบวกแทน เช่น “โอเค ฉันทำผิดไปในครั้งนี้ แต่ฉันก็เรียนรู้จากมันได้ หนหน้าจะลองปรับใหม่”

 

3. ฝึกความเห็นอกเห็นใจตัวเองและฝึกสมาธิ

 

ลองพูดกับตัวเองในใจอย่างมีเมตตา แม้เพียง 1–2 นาทีต่อวันก็สามารถสะสมเป็นการปรับเสียงในใจได้ถ้าหากทำต่อเนื่องเป็นระยะยาว การสังเกตและปรับเสียงในใจด้วยความเห็นอกเห็นใจสามารถลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และเสริมความยืดหยุ่นทางอารมณ์ (Neff, 2003) เช่น

 

  • ฉันกำลังรู้สึกเครียดอยู่ตอนนี้ แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันพยายามเต็มที่แล้ว ฉันไม่ต้องทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง
  • ทุกคนมีวันที่ยากลำบาก ฉันไม่ใช่คนเดียวที่พลาด ฉันสามารถให้อภัยตัวเองได้
  • ถึงแม้คนอื่นตำหนิฉันอย่างรุนแรง แต่ฉันไม่จำเป็นต้องวิจารณ์ตัวเองแบบนั้น ฉันสามารถใจดีกับตัวเองได้
  • ฉันต้องการดูแลตัวเองในตอนนี้ ฉันสามารถให้ความอบอุ่นและปลอบโยนตัวเองได้
  • ฉันกำลังฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเอง แม้จะล้มเหลวบ้าง แม้สิ่งนี้จะยากมาก แต่ฉันยังมีคุณค่าและสามารถก้าวต่อไปได้
  • ทุกคนมีข้อดีข้อเสีย ฉันก็เช่นกัน ฉันไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ฉันสามารถยอมรับความเป็นตัวเองและรักตัวเองได้

 

 

ดังนั้น เสียงในใจเป็นกระบวนการปกติในการคิด ซึ่งมีประโยชน์และสามารถปรับเปลี่ยนได้ การเข้าใจวิธีการทำงานของเสียงในใจ การสังเกตรูปแบบของเสียงในใจของตัวเรา และการปรับไปสู่การพูดคุยกับตนเองในเชิงสนับสนุนและเมตตาต่อตัวเอง สามารถช่วยสงเสริมสุขภาพจิต และทำให้เราเชื่อมถึงโลกภายในของเรา ทั้งความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เราอยู่กับตนเองอย่างมีสติและมีสุขภาวะทางจิตที่ดียิ่งขึ้น

 

 

 

รางการอ้างอิง

 

Alderson-Day, B., & Fernyhough, C. (2015). Inner speech: Development, cognitive functions, phenomenology, and neurobiology. Psychological Bulletin, 141(5), 931–965. https://doi.org/10.1037/bul0000021

 

Allen, P., Aleman, A., & McGuire, P. K. (2007). Inner speech models of auditory verbal hallucinations: Evidence from behavioural and neuroimaging studies. International Review of Psychiatry, 19(4), 407–415. https://doi.org/10.1080/09540260701486498

 

Hurlburt, R. T., & Heavey, C. L. (2001). Telling what we know: Describing inner experience. Trends in Cognitive Sciences, 5(9), 400–403. https://doi.org/10.1016/S1364-6613(00)01724-1

 

McCarthy-Jones, S., & Fernyhough, C. (2011). The varieties of inner speech: Links between quality of inner speech and psychopathological variables in a sample of young adults. Consciousness and Cognition, 20(4), 1586–1593. https://doi.org/10.1016/j.concog.2011.08.005

 

Neff, K. D. (2003). The development and validation of a scale to measure self-compassion. Self and Identity, 2(3), 223–250. https://doi.org/10.1080/15298860309027

 

Vygotsky, L. S. (1987). Thinking and speech (N. Minick, Trans.). In R. W. Rieber & A. S. Carton (Eds.), The collected works of L. S. Vygotsky (Vol. 1, pp. 39–285). Springer.

 

 


 

 

บทความโดย

อาจารย์ ดร.สุภสิรี จันทวรินทร์

ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาปริชาน

 

แสดงความยินดีกับ นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ ที่ได้รับสามเหรียญเงินจากรายการ 11th Asian Aquatics Championships 2025

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีกับ นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ นิสิตคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักกีฬาระบำใต้น้ำจากทีมสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ 11th Asian Aquatics Championships 2025 ที่ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 2-9 ตุลาคม 2568

 

มีผลงาน 3 เหรียญเงิน ดังนี้

 

  1. Team Free = 187.3013 คะแนน
  2. Team Technical = 210 คะแนน
  3. Team Acrobatic = 154.5151 คะแนน
  4. Woman Duet = 208 คะแนน (ที่ 4 )

 

 

 

 

 

 

 

 

พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะและถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

 

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568 เวลา 07.30 น. ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คณะจิตวิทยา โดย ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดี คุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และคุณเวณิกา บวรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะและถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” ซึ่งนำโดย ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหารจุฬาฯ คณาจารย์ บุคลากร นิสิตจุฬาฯ และผู้แทนจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ